แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายบอกกับภริยาว่า จำเลยเป็นผู้ทำร้ายตนในวันที่ 21ธันวาคม 2531 ในขณะที่มีอาการหนักขึ้นอันตรายรักษาไม่ทุเลาเนื่องจากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง แพทย์ให้รับประทานยาแก้ปวดเพียงอย่างเดียวจนต้องหนีออกจากโรงพยาบาล แสดงถึงความหมดหวังในชีวิต ผู้ตายถึงแก่ความตายวันที่ 22 ธันวาคม 2531 คำบอกเล่าของผู้ตายดังกล่าวนับได้ว่าผู้ตายได้บอกเล่าในขณะตนเองอยู่ในภาวะเป็นอันตรายใกล้ตาย รับฟังประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์อื่นได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ท่อนไม้ไผ่เป็นอาวุธตีทำร้ายนายฉลอม1 ครั้ง ถูกศีรษะบริเวณโคนหูซ้ายของนายฉลอมเป็นบาดแผลสาหัสเลือดตกในสมองโดยเจตนาฆ่า ต่อมานายฉลอมถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 15 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์มีนายสว่างกับนายประเสริฐเป็นประจักษ์พยาน เห็นจำเลยถือไม้ไผ่ผ่านมาและตรงไปทางผู้ตายนายสว่างยังเบิกความต่อไปว่าจำเลยใช้ไม้ไผ่ตีทำร้ายผู้ตายที่ทัดดอกไม้ด้านซ้าย นายสว่างกับนายประเสริฐไม่มีสาเหตุกับจำเลย ทั้งมิได้เกี่ยวข้องเป็นญาติกับผู้ตาย ไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย พยานทั้งสองเบิกความได้สอดคล้องต้องกันน่าเชื่อถือ เหตุที่ก่อนผู้ตายถึงแก่ความตายพยานทั้งสองยังไม่เปิดเผยตัวผู้ทำร้ายผู้ตายเพราะผู้ตายขอให้ปิดเป็นความลับเนื่องจากผู้ตายถูกทำร้ายเพราะไปหาคนรักเก่าต้องการปกปิดภรรยาเมื่อมีอาการหนักในขั้นอันตรายรักษาไม่ทุเลา ไม่ได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์ตามสมควรผู้ตายก็ได้บอกเล่าให้ภรรยาฟังดังปรากฏตามคำเบิกความของนางกรรณิการ์ภรรยาผู้ตาย คำบอกเล่าของผู้ตายดังกล่าวนับได้ว่าผู้ตายได้บอกเล่าในขณะตนเองอยู่ในภาวะเป็นอันตรายใกล้ตายเพราะมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง แพทย์ให้รับประทานยาแก้ปวดเพียงอย่างเดียวจนต้องหนีออกจากโรงพยาบาลแสดงถึงความหมดหวังในชีวิต ผู้ตายบอกกับนางกรรณิการ์ในวันที่ 21 ธันวาคม 2531และถึงแก่ความตายวันที่ 22 ธันวาคม 2531 คำบอกเล่าของผู้ตายที่บอกเล่าแก่นางกรรณิการ์รับฟังประกอบคำเบิกความของนายสว่างและนายประเสริฐฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริงพยานฐานที่อยู่ของจำเลยไม่พอฟังหักล้างพยานโจทก์ได้
พิพากษายืน