คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2787/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยถูกฟ้องว่าขายแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2โดยไม่ได้รับอนุญาตและมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อปรากฏว่าจำนวนแอมเฟตามีนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขายให้แก่ผู้มีชื่อเป็นส่วนหนึ่งของแอมเฟตามีนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีไว้ในครอบครอง ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าแอมเฟตามีนทั้งหมดนั้นจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย ซึ่งตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4 วิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ขาย”ว่า หมายรวมถึงมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตามพ.ร.บ. นี้ จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว คือการขาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ประเภท 2 จำนวน 5 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และจำเลยได้ขายแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 3 เม็ด ให้แก่ผู้มีชื่อเป็นเงิน60 บาท โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13, 62, 89,106, 116 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 51 (พ.ศ. 2531)เรื่อง ระบุชื่อและจัดแบ่งประเภทวัตถุออกฤทธิ์ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ลงวันที่27 มิถุนายน 2531 ข้อ 3(1) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4และคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การว่า จำเลยมีแอมเฟตามีน จำนวน 2 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อเสพ สำหรับข้อหาจำหน่ายแอมเฟตามีนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 62, 106ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 51 (พ.ศ. 2531) เรื่อง ระบุชื่อและจัดแบ่งประเภทวัตถุออกฤทธิ์ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ลงวันที่ 27 มิถุนายน2531 ข้อ 3(1) ปรับ 600 บาท คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 300 บาท และคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4,6, 13 วรรคหนึ่ง, 62, 89, 106, 116 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือนคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกาตามฎีกาของโจทก์มีว่า ความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวเป็นความผิดหลายกรรมหรือไม่ ปรากฏตามคำฟ้องว่าความผิดทั้งสองฐานโจทก์บรรยายฟ้องว่าเกิดขึ้นในวันเดียวกัน ข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความก็ปรากฏว่า ความผิดทั้งสองฐานเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันและต่อเนื่องกัน จำนวนแอมเฟตามีนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขายให้แก่ผู้มีชื่อก็เป็นส่วนหนึ่งของแอมเฟตามีนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีไว้ในครอบครอง ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าแอมเฟตามีนทั้งหมดนั้นจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 4 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ขาย” ว่าหมายรวมถึงมีไว้เพื่อขาย เพราะฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตามพระราชบัญญัตินี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวคือการขาย…”
พิพากษายืน.

Share