คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2720/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องทุกข์มิใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(9) ดังนั้นไม่ว่าจำเลยจะมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายให้ถอนคำร้องทุกข์หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงน. ผู้เสียหาย ให้เพิกถอนเช็คที่พวกจำเลยถูกผู้เสียหายร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนไว้ โดยจำเลยกับพวกจะได้ทำสัญญากู้และนำโฉนดที่ดินเลขที่ 34657 พร้อมสิ่งปลูกสร้างมาเป็นหลักประกันการหลอกลวงของจำเลยกับพวกเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าว จึงได้รับสัญญากู้และโฉนดที่ดินนั้นไว้ แล้วได้ถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งตามความจริงที่ดินดังกล่าวไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83 และให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 300,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83 จำคุก 1 ปี คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การเอาโฉนดที่ดินมาให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้ตามสัญญากู้มิใช่หนี้ที่มีประกันตามกฎหมาย แม้ว่าที่ดินโฉนดแปลงที่นำมาให้ผู้เสียหายยึดไว้จะไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ก็ไม่ทำให้ผู้เสียหายเสื่อมสิทธิในสัญญากู้แต่อย่างใด และการร้องทุกข์ซึ่งเป็นเพียงคำบอกกล่าวแก่พนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายพอใจตามข้อตกลงโดยถอนคำร้องทุกข์และยอมรับชำระหนี้เป็นเช็คฉบับใหม่กับทำสัญญากู้ยืมกันไว้ และมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันสิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ในทางแพ่งของผู้เสียหายยังคงอยู่ตามเช็คและสัญญากู้ยืมดังกล่าว ผู้เสียหายเพียงเสียสิทธิตามคำร้องทุกข์เท่านั้น คำร้องทุกข์มิใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9) ดังนั้นไม่ว่าจำเลยจะมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายให้ถอนคำร้องทุกข์หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ได้
พิพากษายืน

Share