คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ทนายจำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าพยานลำดับที่ 3 ป่วย และพยานลำดับที่ 6 ติดธุระไม่สามารถมาศาลได้และพยานทั้งสองปากเป็นพยานสำคัญเกี่ยวกับการทำสัญญาจ้าง ทนายโจทก์มิได้คัดค้านว่าพยานมิได้ป่วยและไม่ติดธุระทั้งมิได้คัดค้านว่าคำแถลงขอเลื่อนคดีไม่เป็นความจริง หากศาลไม่เชื่อควรจะไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนทั้งพยานของจำเลยที่ 1 เป็นพยานสำคัญที่จะชี้ขาดประเด็นแห่งคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสมควรให้จำเลยที่ 1 นำพยานเข้าสืบการไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยที่ 1 หมดพยานจึงไม่ชอบ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรับโจทก์ทั้งเจ็ดเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และค่าจ้างไม่น้อยกว่าเดิมและให้นับอายุการทำงานต่อเนื่องตั้งแต่วันถูกเลิกจ้างติดต่อกับอายุการทำงานเดิม และให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างนับแต่วันถูกเลิกจ้างจนกว่าจะรับโจทก์เข้าทำงาน หากจำเลยทั้งสองไม่รับโจทก์กลับเข้าทำงานให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งเจ็ด
จำเลยที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยที่ 1 มีคำสั่งปลดลูกจ้างที่ได้กระทำผิดทั้งหมดออก การเข้ามาทำงานใหม่ของโจทก์ทั้งเจ็ดและลูกจ้างอื่น ๆ จึงไม่มีผลผูกพันไปถึงสภาพการจ้างเดิมแต่ประการใด
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ทั้งเจ็ดมิได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2
ระหว่างพิจารณาโจทก์ทั้งเจ็ดขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 และโจทก์ที่ 5 ขอถอนฟ้อง ศาลแรงงานกลางอนุญาต
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าชดเชยจำนวน23,220 บาท ให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 20,160 บาท ให้โจทก์ที่ 2 จำนวน24,300 บาท ให้โจทก์ที่ 3 จำนวน 22,500 บาท ให้โจทก์ที่ 4 จำนวน24,840 บาท ให้โจทก์ที่ 6 จำนวน 26,640 บาท ให้โจทก์ที่ 7 พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 4เมษายน 2533) จนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยก
โจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 4 โจทก์ที่ 6 โจทก์ที่ 7 และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “เห็นควรพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ข้อ 3 ก่อนว่า คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยที่ 1 หมดพยานชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ คดีได้ความว่าเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2534 ศาลแรงงานกลางนัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ 1 พร้อมกัน ครั้งถึงวันนัดทนายโจทก์แถลงว่าโจทก์ที่ 5 ขอถอนฟ้อง และไม่สืบพยานต่อไปศาลแรงงานกลางอนุญาต ทนายจำเลยที่ 1 นำพยานเข้าสืบได้ 1 ปากแล้วแถลงว่า ในวันนี้ทนายจำเลยเตรียมพยานมาสืบอีก 2 ปาก คือพยานอันดับ 3 และพยานอันดับ 6 แต่พยานอันดับ 3 ป่วยมาศาลไม่ได้ พยานอันดับ 6 แจ้งว่ามาศาลไม่ได้เนื่องจากติดธุระต้องไปคุมเงินเพื่อจ่ายให้แก่พนักงานของบริษัท ไอ.เอส.เอ. จำกัด พยานทั้งสองปากเป็นพยานสำคัญและเป็นผู้จัดทำเอกสารใบสมัครงานใหม่ สัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และเป็นผู้จัดให้มีการปฐมนิเทศน์พนักงานใหม่รวมทั้งโจทก์ด้วย จึงขอเลื่อนไปสืบพยานจำเลยที่ 1ที่เหลืออีก 6 ปากให้นัดหน้า แต่ศาลแรงงานกลางไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดี และถือว่าจำเลยที่ 1 หมดพยานแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายแพ้คดี พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทนายโจทก์มิได้คัดค้านโดยตรงว่าพยานอันดับ 3 มิได้ป่วยและพยานอันดับ 6 มิได้ติดธุระ ทั้งมิได้คัดค้านว่าคำแถลงขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยที่ 1ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด หากศาลแรงงานกลางไม่เชื่อคำแถลงของทนายจำเลยที่ 1 ก็ชอบที่จะไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนนอกจากนี้พยานที่ทนายจำเลยที่ 1 จะนำมาสืบก็เป็นพยานสำคัญที่จะชี้ขาดประเด็นสำคัญแห่งคดี เพราะเป็นผู้จัดทำเอกสารใบสมัครงานใหม่และสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสมควรให้จำเลยที่ 1 นำพยานเข้าสืบ ที่ศาลแรงงานกลางไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีและถือว่าจำเลยที่ 1 หมดพยานจึงไม่ชอบ… คดีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยที่ 1 และอุทธรณ์ของโจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 4 โจทก์ที่ 6และโจทก์ที่ 7 อีกต่อไป”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ โดยให้จำเลยที่ 1 สืบพยานต่อไป แล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share