คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นำยึดที่ดินพิพาทซึ่งมีใบแจ้งการครอบครอง (ส.ค. 1)ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา ปรากฏว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเป็นสัดส่วนตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง โจทก์จะนำยึดที่ดินส่วนที่ผู้ร้องครอบครองอยู่ออกขายทอดตลาดไม่ได้ ผู้ร้องย่อมมีสิทธิที่จะขอให้กันส่วนที่ดินของผู้ร้องออกก่อนที่จะดำเนินการขายทอดตลาดได้ ปัญหาว่าที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสหรือไม่ เป็นปัญหาที่ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค. 1) ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินที่โจทก์นำยึดส่วนหนึ่งโดยซื้อมาจาก ส. ขอให้กันส่วนที่ดินของผู้ร้องออกก่อนที่จะดำเนินการขายทอดตลาด
โจทก์และจำเลยคัดค้านว่า ส. ไม่เคยขายที่ดินบางส่วนให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องอยู่ในที่พิพาทในฐานะผู้อาศัย สัญญาซื้อขายเป็นเอกสารปลอม และเป็นโมฆะ ผู้ร้องไม่มีอำนาจให้กันส่วนขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีสิทธิครอบครองที่พิพาทเป็นสัดส่วนตามคำร้องขอกันส่วนจริง มีคำสั่งอนุญาตให้กันส่วนที่พิพาทตามคำร้องขอกันส่วนออกจากการขายทอดตลาดที่ดินที่โจทก์นำยึด
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบมามีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งกว่าพยานโจทก์รับฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเป็นสัดส่วนตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างในคำร้องศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า โจทก์จะนำยึดที่ดินส่วนที่ผู้ร้องครอบครองอยู่ออกขายทอดตลาดไม่ได้นั้นชอบแล้ว ส่วนฎีกาของโจทก์เกี่ยวกับอำนาจฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ชอบที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยเองได้โดยโจทก์ไม่ต้องกล่าวอ้างนั้น เห็นว่าปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน

Share