คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายดำเนินการบังคับคดีนำยึดที่ดิน โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แต่มีเหตุที่จะต้องถอนการยึดทรัพย์สินนั้น โจทก์ย่อมมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 149 และตาราง 5ข้อ 3 ท้าย ป.วิ.พ. ทั้งนี้ โดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะได้นำยึดโดยสุจริตและเป็นผู้ขอให้ถอนการยึดหรือไม่ กรณีไม่ใช่เรื่องของความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดี ศาลจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดให้ฝ่ายจำเลยต้องรับผิดแทนฝ่ายโจทก์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 161.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาต่อมา เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งแก่โจทก์ว่าที่ดินที่โจทก์นำยึดแปลงนี้มีคำพิพากษาของศาลฎีกาพิพากษาว่า เป็นที่ดินของบุคคลที่สามไม่ใช่ที่ดินของจำเลยจะถอนการยึด ให้โจทก์เป็นผู้รับผิดชอบเสียค่าธรรมเนียมถอนการยึดและค่าใช้จ่ายต่าง ๆโจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า โจทก์นำยึดที่ดินดังกล่าวโดยสุจริต ไม่เคยปรากฏข้อโต้แย้งคัดค้านการยึดจากผู้ใด ขอศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งให้ค่าธรรมเนียมการถอนการยึดและค่าใช้จ่ายต่าง ๆที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งให้โจทก์เสียตกเป็นพับ (คืออนุญาตให้ไม่ต้องชำระ)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่มีเหตุจะต้องไต่สวนคำร้อง ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้โจทก์มิได้ฎีกาโต้เถียงว่าการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขายนั้น เป็นการไม่ถูกต้องอย่างไร โจทก์ฎีกาโต้เถียงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 เฉพาะที่เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขายหรือที่โจทก์เรียกว่าค่าธรรมเนียมถอนการยึดเท่านั้น โดยกล่าวอ้างว่า การนำยึดที่ดินรายนี้ โจทก์กระทำโดยสุจริต และมิได้เป็นฝ่ายขอให้ถอนการยึดทั้งการที่จำเลยต่อสู้กับบุคคลภายนอกจนศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่ดินที่โจทก์นำยึดมิใช่ของจำเลยนั้นก็เป็นพฤติการณ์ที่โจทก์มิได้ล่วงรู้มาก่อน โจทก์จึงไม่ควรที่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขาย ความรับผิดในค่าธรรมเนียมดังกล่าวควรตกอยู่แก่ฝ่ายจำเลยเพราะเป็นค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ดังนี้ ประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยคงรับวินิจฉัยเฉพาะประเด็นเรื่องค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขายเท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงตามคำร้องของโจทก์ฟังได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายดำเนินการบังคับคดีโดยได้นำยึดที่ดิน 1 แปลง อ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แต่มีเหตุที่จะต้องถอนการยึดทรัพย์สินนั้น เห็นได้ว่าในกรณีเช่นนี้โจทก์ย่อมมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 และตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งนี้โดยต้องชำระต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะได้นำยึดโดยสุจริต และเป็นผู้ขอให้ถอนการยึดหรือไม่ หากโจทก์ไม่ยอมชำระก็อาจถูกบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 ตรี ไม่ใช่เรื่องของความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีศาลจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดให้ฝ่ายจำเลยต้องรับผิดแทนฝ่ายโจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161…”
พิพากษายืน.

Share