คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 เป็นเรื่องที่ผู้จัดการมรดกเข้ารับตำแหน่งแล้ว ละเลยไม่จัดการมรดกตามหน้าที่ จึงให้สิทธิผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอถอนผู้จัดการมรดกเสียได้ คำร้องของ ผู้ร้องซึ่งขอให้ถอน ป. จากการเป็นผู้จัดการมรดกที่ตั้งขึ้นโดยพินัยกรรม บรรยายว่า ป. ผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมปฏิเสธที่จะจัดการมรดก เป็นกรณีที่ผู้จัดการมรดกไม่เต็มใจเข้าจัดการมรดกโดยไม่เข้ารับหน้าที่ผู้จัดการมรดก จึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะร้องขอถอนผู้จัดการมรดกได้ ศาลย่อมยกคำร้องดังกล่าวได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวน

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นายชื้น สุขสัมผัส ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองฉบับลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2529 ยกทรัพย์มรดกคือที่ดินมีโฉนดรวม 4 แปลงให้แก่ผู้ร้องโดยตั้งให้นายประทีป ยิ้มพลายเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม นายประทีปไม่ลงมือจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วัน นับแต่นายชื้นถึงแก่กรรม จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมานานนับเดือน ผู้ร้องจึงติดต่อให้นายประทีปไปสำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สาขาเสนาเพื่อให้ทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกโดยจดทะเบียนโอนที่ดินมรดกตามพินัยกรรมให้แก่ผู้ร้อง แต่นายประทีปไม่ยอมทำหน้าที่ผู้จัดการมรดก โดยไม่จดทะเบียนโอนมรดกดังกล่าว ผู้ร้องได้ถามนายประทีปว่าจะเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมหรือไม่ โดยให้นายประทีปตอบเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน นายประทีปไม่ตอบรับ และไม่ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมดังกล่าวแล้วเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามพินัยกรรมผู้ร้องจึงขอให้ถอนนายประทีปจากการเป็นผู้จัดการมรดกที่ตั้งขึ้นโดยพินัยกรรมของนายชื้น
ศาลชั้นต้นงดไต่สวนและมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาในชั้นฎีกาว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ทำการไต่สวนและสั่งตามรูปความเป็นการชอบหรือไม่ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ตามคำร้องของผู้ร้องระบุว่านายประทีป ยิ้มพลาย ซึ่งได้รับแต่งตั้งตามพินัยกรรมให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายชื้น สุขสัมผัส เจ้ามรดก ไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วันนับแต่นายชื้นถึงแก่กรรม จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมานานนับเดือน ผู้ร้องจึงติดต่อให้นายประทีปไปสำนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนโอนมรดกตามพินัยกรรมแก่ผู้ร้อง แต่นายประทีปไม่ทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกและไม่จดทะเบียนโอนมรดกดังกล่าวหลังจากนั้นผู้ร้องได้ถามนายประทีปให้ตอบว่าจะเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ โดยทอดเวลาให้ตอบนานกว่า 1 เดือนแล้วแต่นายประทีปไม่ตอบรับ แต่เพิกเฉยไม่ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกให้เป็นไปตามพินัยกรรม ถือว่านายประทีปปฏิเสธการเป็นผู้จัดการมรดกนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 บัญญัติว่า “ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกก็ได้ ในกรณีต่อไปนี้… (2) เมื่อผู้จัดการมรดกหรือทายาทไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะจัดการหรือมีเหตุขัดข้องในการจัดการหรือในการแบ่งปันมรดก…”
ตามคำร้องของผู้ร้องระบุชัดว่า นายประทีปผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมปฏิเสธที่จะจัดการมรดกรายนี้ จึงเป็นกรณีที่ผู้จัดการมรดกไม่เต็มใจที่จะจัดการมรดกแล้ว โดยไม่เข้ารับหน้าที่ผู้จัดการมรดก เพียงนายประทีปไปสำนักงานที่ดินตามที่ผู้ร้องนัดเพื่อไปโอนมรดกแก่ผู้ร้องแล้ว นายประทีปไม่จัดการอะไร ก็ไม่พอฟังว่านายประทีปเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการมรดกแล้ว ชอบที่ผู้ร้องจะร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกเสียใหม่ได้เพื่อจัดการมรดกรายนี้ต่อไป ผู้ร้องไม่อาจมาร้องขอถอนผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมรายนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 เพราะการถอนผู้จัดการมรดกตามมาตรา 1727 เป็นเรื่องที่ผู้จัดการมรดกเข้ารับตำแหน่งแล้วละเลยไม่จัดการมรดกตามหน้าที่ ให้สิทธิผู้มีส่วนได้เสียร้องขอถอนเสียได้ อย่างไรก็ดีตามมาตรา 1727 วรรคสอง ก็ระบุชัดว่าแม้ผู้จัดการมรดกเข้ารับตำแหน่งแล้ว ก็อาจลาออกจากตำแหน่งเสียได้โดยมีเหตุอันสมควร แต่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล ดังนั้นเมื่อคำร้องของผู้ร้องบรรยายไว้ชัดแจ้งแล้วว่านายประทีปไม่เต็มใจเข้าจัดการมรดกตามพินัยกรรมแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่จะต้องไต่สวนคำร้องของผู้ร้องอีกต่อไป เพราะไม่มีความจำเป็น ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายืน

Share