แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์มิได้กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า ค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย และที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นนั้น มีอัตราแตกต่างกัน อันจะทำให้การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 นำจำนวนที่ดินทั้งหมดมารวมคิดค่ารายปีในอัตราเคียงกันเป็นการไม่ถูกต้อง ดังนั้น การที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 คิดค่ารายปีจากจำนวนที่ดิน ที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดรวมกัน ในอัตราเดียวกันแล้วประเมินค่าภาษีในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี จึงเป็นการชอบ โมบายออฟฟิศ มีเพียงแผงสวิตซ์ สำหรับควบคุมการทำงาน ของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่เท่านั้น แต่การผลิตคอนกรีต ผสมเสร็จเพื่อจำหน่ายอันเป็นอุตสาหกรรมของโจทก์ ความสำคัญ อยู่ที่เครื่องจักรผสมคอนกรีต หาใช่อยู่ที่แผงสวิตซ์ สำหรับควบคุม การทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตไม่ เมื่อเครื่องจักรผสมคอนกรีต อันเป็นส่วนที่มีลักษณะสำคัญเพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ มิได้ติดตั้งในโมบายออฟฟิศ ลำพังแต่แผงสวิตซ์ สำหรับควบคุม การทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตจึงมิใช่ส่วนควบที่สำคัญ มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ โมบายออฟฟิศ จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 ที่จะได้รับลดค่ารายปีลงเหลือ หนึ่งในสาม ที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีต มีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างที่ เป็นฐานติดตรึง กับพื้นดินโดยมีเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้ง เป็นส่วนควบอยู่ตอนบนเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนสำหรับ ให้เครื่องจักรผสมคอนกรีตได้ติดตั้งเป็นส่วนควบเข้าด้วยไม่ ทรัพย์สินดังกล่าวจึงไม่เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญ มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของ โจทก์ ห้องปั๊มลมนั้น สภาพของห้องทั้งสี่ด้านและด้านบนทำด้วยแผ่นเหล็กมีรูปลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ครอบเครื่องปั๊มลม ไว้มุมฝาทั้งสี่ด้านมีขาเหล็กยึดติดกับพื้นคอนกรีตมีประตูทางเข้า 1 บานภายในห้องมีเครื่องปั๊มลมอันเป็นเครื่องจักรกลไก ที่สนับสนุน การทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่กับพื้นคอนกรีต สภาพ ดังกล่าวจึงเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างสำหรับคุ้มกันเครื่องปั๊มลม เท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นที่สำหรับอยู่หรือไว้ซึ่งสิ่งของคล้าย โรงเรือนไม่ ถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ สายพานลำเลียงปูนซีเมนต์มีสภาพเป็นสายพานลำเลียงแขวนอยู่บนคานเหล็กซึ่งมีขาตั้งเป็นเหล็กติดตรึง อยู่กับพื้นคอนกรีตในที่โล่ง ไม่มีฝาหรือหลังคาคลุม จึงมีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็น เครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ไม่ โรงคุมสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ มีสภาพเป็นโรงขนาดสูงใหญ่มีฝาสองด้านมีหลังคาคลุม เป็นพื้นที่ขนาด 10.30×12 เมตร โครงสร้างเป็นเหล็กติดตรึง กับพื้นคอนกรีตอย่างมั่นคงแข็งแรง มีคานเหล็กพร้อมขาตั้งเหล็กที่ติดตรึง อยู่ กับพื้นคอนกรีตภายในโรงอย่างมั่นคงแข็งแรงเช่นกัน คานเหล็กดังกล่าวใช้เป็นที่แขวนสายพานลำเลียงปูนซิเมนต์ ด้วยรอก ร้อย โซ่ มีมอเตอร์ ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนล้อในการลำเลียงปูนซีเมนต์บรรจุถุงจากเรือสู่รถยนต์บรรทุกเพื่อนำไปยังถังเก็บ สำหรับใช้ส่งเข้าเครื่องจักรผสมคอนกรีตในการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ จำหน่ายคานรอก โซ่ สายพานลำเลียงและมอเตอร์ ไฟฟ้าพร้อมล้อ ดังกล่าวประกอบกันสามารถใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวก ในการส่งด้วยแรงได้จึงเป็นเครื่องจักรกลไกที่สำคัญเพื่อใช้ ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์เมื่อโรงคุมสายพานได้ติดตั้ง ส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกจึงถือได้ว่า เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญ ที่ลักษณะเป็น เครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ขึ้นใน โรงเรือนนั้น ตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 13ต้องลดค่ารายปีลงเหลือ 1 ใน 3.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินและเพิกถอนคำชี้ขาดคำร้องขอพิจารณาการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินตามฟ้องของโจทก์กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนประจำปี พ.ศ. 2528, พ.ศ. 2529 และ พ.ศ. 2531 เป็นเงินรวม 95,954.95 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว ขอให้พิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ที่โต้แย้งเกี่ยวกับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 นำเอาที่ดินจำนวนเนื้อที่ 4,090.99 ตารางเมตร มาคำนวณค่ารายปีของปี พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2529 กับจำนวนเนื้อที่ 3,870.05ตารางเมตร มาคำนวณค่ารายปีของปี พ.ศ. 2531 แล้วประเมินค่าภาษีจากโจทก์โดยถือว่าเป็นที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายทั้งหมด ว่าเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงแล้วว่าที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดมีเนื้อที่ 4,090.99 ตารางเมตรสำหรับปี พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2529 กับมีเนื้อที่ 3,870.05ตารางเมตร สำหรับปี พ.ศ. 2531 เพียงแต่โจทก์อ้างว่าที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายควรมีเนื้อที่เพียง 324.56ตารางเมตร ที่เหลือนอกนั้นเป็นที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่น ดังนั้นตามข้อเท็จจริงดังกล่าวโจทก์ย่อมมีหน้าที่จะต้องชำระค่าภาษีปีละครั้งตามค่ารายปีของที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย และที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นทั้งหมดในอัตราร้อยละ12.5 ต่อปี ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475มาตรา 8 และพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2475 มาตรา 5 และ เมื่อโจทก์มิได้กล่าวอ้างในคำฟ้องว่าค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย และที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นนั้น มีอัตราแตกต่างกันอันจะทำให้การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 นำจำนวนที่ดินทั้งหมดมารวมคิดค่ารายปีในอัตราเดียวกันเป็นการไม่ถูกต้อง ดังนั้นการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 คิดค่ารายปีจากจำนวนที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดรวมกันในอัตราเดียวกัน แล้วประเมินค่าภาษีในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปีจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว กรณีหาใช่โจทก์มีที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายเพียง 324.56 ตารางเมตรโดยไม่มีที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นอีก 3,766.43 ตารางเมตร แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1กลับคำนวณค่ารายปีจากที่ดินจำนวน 4,090.99 ตารางเมตร อันเป็นเหตุให้ค่ารายปีมากผิดความจริง เป็นเหตุให้ค่าภาษีมีจำนวนมากเกินกว่าจำนวนที่จะต้องเสียตามกฎหมายไปด้วย ดังนั้นที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ควรเสียภาษีที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายเป็นพื้นที่ตามอัตราเฉลี่ยเพียง 324.56 ตารางเมตร รวมกับพื้นที่ของโรงเรือนสำนักงานขายอีก 56.25 ตารางเมตร แล้วนำไปคำนวณค่ารายปี และคิดภาษีตามอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ส่วนจำนวนภาษีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้เรียกเก็บไปจากโจทก์นั้นมากกว่าจำนวนดังกล่าวไปเท่าใดต้องถือว่าคิดเกินต้องคืนให้แก่โจทก์เท่ากับโจทก์โต้แย้งไม่ยอมเสียค่าภาษีสำหรับที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นของโจทก์ ซึ่งโจทก์มีหน้าที่จะต้องเสียภาษีตามบทกฎหมายที่ได้วินิจฉัยไว้ในตอนต้นอุทธรณ์ของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น
ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า ค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างแต่ละรายมีอัตราไม่เท่ากัน การนำจำนวนที่ดินมารวมคิดในอัตราเดียวกันจึงไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ที่ดินบางส่วนยังเป็นที่ดินว่างเปล่า โจทก์ไม่ได้ใช้ประโยชน์จึงไม่ต้องเสียภาษี และที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ก็ควรได้รับการลดค่ารายปีลงเหลือเพียงหนึ่งในสามด้วยนั้น เป็นปัญหาที่โจทก์ตั้งขึ้นมาใหม่ในชั้นอุทธรณ์ มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยในข้อแรกมีว่าการประเมินภาษีโรงเรือนสำหรับทรัพย์สินรายการที่ 1 ตามแบบแจ้งรายการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ. 2528, พ.ศ. 2529และ พ.ศ. 2531 โมบายออฟฟิศจะต้องลดค่ารายปีลงเหลือเพียงหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีหรือไม่พิจารณาแล้ว พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 13 บัญญัติว่า “ถ้าเจ้าของโรงเรือนใดติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรม…ขึ้นในโรงเรือนนั้น ๆ ในการประเมินท่านให้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสาม…” ดังนี้ เห็นได้ว่าเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าที่ติดตั้งนั้นต้องติดตั้งในโรงเรือน และเป็นส่วนควบอันสำคัญจึงจะได้รับประโยชน์ตามมาตรานี้ แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่า โมบายออฟฟิศตามภาพถ่ายหมาย ล.1 แผ่นที่ 103 และหมาย จ.1 แผ่นที่ 29 มีเพียงแผงสวิตช์สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตตามภาพถ่ายหมาย จ.1 แผ่นที่ 33 ถึง 35และหมาย ล.1 แผ่นที่ 104 ติดตั้งอยู่เท่านั้น แต่การผลิตคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อจำหน่ายอันเป็นอุตสาหกรรมของโจทก์นั้น ความสำคัญอยู่ที่เครื่องจักรผสมคอนกรีต หาใช่อยู่ที่แผงสวิตซ์สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตไม่ เมื่อเครื่องจักรผสมคอนกรีตอันเป็นส่วนที่มีลักษณะสำคัญเพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์นั้น มิได้ติดตั้งในโมบายออฟฟิศ ลำพังแต่แผงสวิตช์สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตจึงมิใช่ส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ตามความหมายของบทกฎหมายดังกล่าว ดังนั้นการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ประเมินทรัพย์สินรายการนี้โดยมิได้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสาม จึงเป็นการถูกต้อง คำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่โจทก์จะมาฟ้องเรียกเงินคืน โดยอ้างว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เรียกภาษีไว้เกิน คำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางเกี่ยวกับภาษีโรงเรือนของทรัพย์สินรายการนี้ไม่ต้องด้วยความเห็นศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้อที่ 2 มีว่า ทรัพย์สินตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ. 2528และ พ.ศ. 2529 รายการที่ 8 และประจำปีภาษี พ.ศ. 2531 รายการที่ 3 ที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีต เป็นโรงเรือนที่จะต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีหรือไม่ เห็นว่า ที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีตตามภาพถ่ายหมาย จ.1 แผ่นที่ 33 ถึง 35และหมาย ล.1 แผ่นที่ 104 นั้น มีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างที่เป็นฐานติดตรึงกับพื้นดินโดยมีเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งเป็นส่วนควบอยู่ตอนบนเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนสำหรับให้เครื่องจักรผสมคอนกรีตได้ติดตั้งเป็นส่วนควบเข้าด้วยไม่ ทรัพย์สินดังกล่าวจึงไม่เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ประเมินค่าภาษีทรัพย์สินรายการนี้โดยมิได้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสาม จึงเป็นการถูกต้องคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว คำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางเกี่ยวกับค่าภาษีทรัพย์สินรายการนี้ไม่ต้องด้วยความเห็นศาลฎีกาอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองในข้อนี้ฟังขึ้น
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้อที่ 3 มีว่า ทรัพย์สินรายการที่ 8 ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำภาษี พ.ศ. 2531 คือ ห้องปั๊มลม เป็นโรงเรือนที่จะต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีหรือไม่ เห็นว่า ห้องปั๊มลมตามภาพถ่ายหมาย จ.1 แผ่นที่ 34 และหมาย ล.1 แผ่นที่ 101 นั้นสภาพของห้องทั้งสี่ด้านและด้านบนทำด้วยแผ่นเหล็กมีรูปลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ครอบเครื่องปั๊มลมไว้ มุมฝาทั้งสี่ด้านมีขาเหล็กยึดติดกับพื้นคอนกรีตมีประตูทางเข้า 1 บาน ภายในห้องมีเครื่องปั๊มลมอันเป็นเครื่องจักรกลไกที่สนับสนุนการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่กับพื้นคอนกรีต สภาพดังกล่าวจึงเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างสำหรับคุ้มกันเครื่องปั๊มลมเท่านั้นหาได้มีสภาพเป็นที่สำหรับอยู่หรือไว้สิ่งของคล้ายโรงเรือนไม่ถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ จึงไม่มีข้อพิจารณาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จะต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนประเมินค่าภาษีตามที่โจทก์อ้าง การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่และคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว คำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางเกี่ยวกับภาษีทรัพย์สินรายการนี้ไม่ต้องด้วยความเห็นศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองในข้อนี้ฟังขึ้น
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้อที่ 4 มีว่า ทรัพย์สินรายการที่18 ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษีพ.ศ. 2531 สายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ เป็นโรงเรือนที่จะต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีหรือไม่ เห็นว่า สายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ตามภาพถ่ายหมาย ล.1 แผ่นที่ 105 มีสภาพเป็นสายพานลำเลียงแขวนอยู่บนคานเหล็กซึ่งมีขาตั้งเป็นเหล็กติดตรึงอยู่กับพื้นคอนกรีตในที่โล่ง ไม่มีฝาหรือหลังคาคลุม จึงมีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้าง หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ไม่ จึงไม่มีข้อพิจารณาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จะต้องลดค่ารายปีของทรัพย์สินรายการนี้ลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีตามที่โจทก์อ้าง การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่และคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 จึงชอบแล้ว คำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางเกี่ยวกับภาษีทรัพย์สินรายการนี้จึงไม่ต้องด้วยความเห็นศาลฎีกาอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้อสุดท้ายมีว่า ทรัพย์สินรายการที่ 19 ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ. 2531 โรงคุมสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ เป็นโรงเรือนที่จะต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีหรือไม่เห็นว่า โรงคุมสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ตามภาพถ่ายหมาย จ.1 แผ่นที่ 31, 32 และหมาย ล.1 แผ่นที่ 106 มีสภาพเป็นโรงขนาดสูงใหญ่มีฝาสองด้าน มีหลังคาคลุม เป็นพื้นที่ขนาด 10.30 x 12 เมตรโครงสร้างเป็นเหล็กติดตรึงกับพื้นคอนกรีตอย่างมั่นคงแข็งแรงมีคานเหล็กพร้อมขาตั้งเหล็กที่ติดตรึงอยู่กับพื้นคอนกรีตภายในโรงอย่างมั่นคงแข็งแรงเช่นกัน คานเหล็กดังกล่าวใช้เป็นที่แขวนสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ด้วยรอกร้อยโซ่ มีมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนล้อในการลำเลียงปูนซีเมนต์บรรจุถุงจากเรือสู่รถยนต์บรรทุกเพื่อนำไปยังถังเก็บสำหรับใช้ส่งเข้าเครื่องจักรผสมคอนกรีตในการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จจำหน่าย คาน รอกโซ่ สายพานลำเลียงและมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมล้อดังกล่าวประกอบกับสามารถใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการส่งถ่ายแรงได้ จึงเป็นเครื่องจักรกลไกที่สำคัญเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ เมื่อโรงคุมสายพานได้ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ขึ้นในโรงเรือนนั้น ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475มาตรา 13 แล้ว ทรัพย์สินรายการนี้จึงเป็นโรงเรือนที่ต้องลดค่ารายปีลงเหลือเพียงหนึ่งในสามตามที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองในข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 และคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวกับค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินสำหรับทรัพย์สินรายการที่ 1 ที่ 8 ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2529 และสำหรับทรัพย์สินรายการที่ 1 ที่ 3 ที่ 8 ที่ 18 ตามแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ. 2531 เสียด้วยนอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง.