คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1948/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะใช้ค้อนทุบกระจกที่ติดกับตู้ เอ.ที.เอ็ม.ด้านล่างแตกขนาดแมว ลอดเข้าไปได้ แต่ตัวจำเลยก็ไม่สามารถ ถอดเข้าไปภายในธนาคารได้และตรงจุดที่กระจกแตกก็ไม่เกี่ยวกับ ตู้ เอ.ที.เอ็ม. ซึ่งมีเงินเก็บอยู่ภายใน จำเลยไม่มีทางที่จะ ล้วงเอาเงินที่เก็บอยู่ในตู้ เอ.ที.เอ็ม. ไปได้ ของกลางที่ ยึดได้ก็มีเพียงค้อน 1 ด้าม ถุงมือ 1 คู่ และกระเป๋า 1 ใบ ซึ่งไม่อาจใช้งัดตู้ เอ.ที.เอ็ม. เพื่อเอาเงินที่เก็บอยู่ ภายในตู้ออกมาได้ หากจำเลยมีเจตนาที่จะลักเอาเงินที่เก็บอยู่ ในตู้ เอ.ที.เอ็ม. จำเลยก็น่าจะใช้ค้อนทุบตู้ เอ.ที.เอ็ม. แล้วรีบหลบหนีไปโดยไม่รออยู่นานถึง 5 นาที จนกระทั่ง ถูกจับกุมเป็นแน่ กรณีอาจเป็นเรื่องที่จำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์ แต่จำเลยใช้ค้อนทุบกระจกเพื่อระบายความเครียด ดังที่จำเลยอ้าง ก็ได้ แม้โจทก์จะมีคำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ของจำเลยมาเป็นพยาน แต่จำเลยก็ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา และอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเอกสารที่มีข้อความแล้ว มาให้จำเลยลงชื่อโดยไม่ได้อ่านข้อความให้ฟัง พยานหลักฐาน ที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำ ความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ แต่การที่จำเลยใช้ค้อนทุบกระจก ของธนาคารแตกเสียหาย ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด ฐานทำให้เสียทรัพย์ แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ในความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ผู้เสียหาย แต่จำเลยก็นำสืบ รับว่าได้ใช้ค้อนทุบกระจกเพื่อระบายความเครียด จำเลย จึงมิได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐาน ทำให้เสียทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม ส่วนค้อนของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการ กระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ จึงต้องริบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 80, 33 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(3) วรรคสาม ประกอบมาตรา 80 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี8 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องจำเลยได้ใช้ค้อนทุบกระจกด้านข้างเครื่องเบิกเงินอัตโนมัติหรือตู้ เอ.ที.เอ็ม. ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยถนนสุขาภิบาล 1แตกเสียหายมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีสิบตำรวจตรีโกวิทภูหนองโอง มาเบิกความเป็นพยานว่าวันเกิดเหตุเวลาประมาณ2 นาฬิกา ขณะที่พยานออกตรวจท้องที่ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุกรุงธนว่ามีคนร้ายเข้าไปในธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาย่อยถนนสุขาภิบาล 1 จึงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุใช้เวลาประมาณ5 นาที พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 คน และพบจำเลยกำลังวิ่งห่างจากธนาคารประมาณ 50 เมตร จึงติดตามจับกุมจำเลยได้ จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุพบว่ามีกระจกที่ผนังของธนาคารแตกขนาดแมวลอดเข้าไปได้เพียงแห่งเดียวไม่มีรอยงัดแงะอย่างอื่นตู้ เอ.ที.เอ็ม. ไม่ได้รับความเสียหาย นายอำนาจ เลิศพูลทรัพย์พยานโจทก์อีกปากหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารที่เกิดเหตุเบิกความว่าคืนเกิดเหตุเมื่อได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายมาทำลายทรัพย์สินและจะเข้าไปลักทรัพย์ของธนาคารจึงได้ไปยังที่เกิดเหตุ พบว่ากระจกด้านข้างตู้ เอ.ที.เอ็ม. ซึ่งมีเงินในตู้ประมาณ 2,000,000 บาทถูกทุบแตกปรากฏตามภาพถ่ายหมาย จ.6 รอยกระจกที่แตกไม่เกี่ยวกับตู้ เอ.ที.เอ็ม. ตู้ เอ.ที.เอ็ม. ไม่มีร่องรอยความเสียหายเห็นว่า แม้จำเลยจะใช้ค้อนทุบกระจกที่ติดกับตู้ เอ.ที.เอ็ม.ด้านล่างแตกขนาดแมวลอดเข้าไปได้ แต่ตัวจำเลยก็ไม่สามารถลอดเข้าไปภายในธนาคารได้และตรงจุดที่กระจกแตกซึ่งปรากฏตามภาพถ่ายหมาย จ.6 ก็ไม่เกี่ยวกับตู้ เอ.ที.เอ็ม. ซึ่งมีเงินเก็บอยู่ภายใน จำเลยไม่มีทางที่จะล้วงเอาเงินที่เก็บอยู่ในตู้ เอ.ที.เอ็ม.ไปได้เลย ของกลางที่ยึดได้ก็มีเพียงค้อน 1 ด้าม ถุงมือ 1 คู่และกระเป๋า 1 ใบ ซึ่งไม่อาจใช้งัดตู้ เอ.ที.เอ็ม. เพื่อเอาเงินที่เก็บอยู่ภายในตู้ออกมาได้ ทั้งนับแต่สิบตำรวจตรีโกวิทได้รับแจ้งทางวิทยุจนไปถึงที่เกิดเหตุก็เป็นเวลานานประมาณ5 นาที หากจำเลยมีเจตนาที่จะลักเอาเงินที่เก็บอยู่ในตู้ เอ.ที.เอ็ม.จำเลยก็น่าจะใช้ค้อนทุบตู้ เอ.ที.เอ็ม. ให้แตกเสียหายแล้วใช้เครื่องมืองัดแงะ งัดและเอาเงินที่เก็บอยู่ในตู้ เอ.ที.เอ็ม.แล้วรีบหลบหนีไปโดยไม่รออยู่นานถึง 5 นาที จนกระทั่งถูกจับกุมเป็นแน่ กรณีอาจเป็นเรื่องที่จำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์ แต่จำเลยใช้ค้อนทุบกระจกเพื่อระบายความเครียดดังที่จำเลยอ้างก็ได้แม้โจทก์จะมีคำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยมาเป็นพยาน แต่จำเลยก็ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาและอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเอกสารที่มีข้อความแล้วมาให้จำเลยลงชื่อโดยไม่ได้อ่านข้อความให้ฟัง พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นแต่การที่จำเลยใช้ค้อนทุบกระจกด้านข้างตู้ เอ.ที.เอ็ม. ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยถนนสุขาภิบาล 1แตกเสียหาย ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งแม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ผู้เสียหาย แต่จำเลยก็นำสืบรับว่าได้ใช้ค้อนทุบกระจกผู้เสียหายแตกได้รับความเสียหายเพื่อระบายความเครียด จำเลยจึงมิได้หลงต่อสู้ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสามส่วนค้อนของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์จึงต้องริบ”
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน จำเลยเป็นหญิงมีบุตร 1 คนยังเล็กอยู่ ได้กระทำผิดเนื่องจากเกิดความเครียดเกี่ยวกับปัญหาภายในครอบครัว ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยทำความผิดมาก่อนให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี ริบค้อนของกลางคำขออื่นให้ยก

Share