คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การใช้นามปากกาแทนชื่อจริง บุคคลทั่วไปจะรู้จักแต่นามปากกาไม่สามารถรู้ชื่อจริงได้ แม้จะเป็นบุคคลหรือเจ้าพนักงานตำรวจในท้องที่นั้นก็ตาม เพราะการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจในท้องที่นั้นไม่ได้ทำให้เกิดความรู้ขึ้นมา ได้ว่านามปากกาใดเป็นของผู้ใด คำเบิกความของ พันตำรวจโท อ. ไม่ได้แสดงเหตุผลที่น่าเชื่อถือว่าตนรู้ได้อย่างไรว่าจำเลยที่ 2 ใช้นามปากกาว่าคมแฝกพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนัก คดีรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้เขียนคอลัมน์สังคมบ้านเรา ในหนังสือพิมพ์บ.โดยใช้นามปากกาว่าคมแฝก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์บำรุงราษฎร์ จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการบริหารและเป็นนักเขียนของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวโดยใช้นามปากกาว่าคมแฝก จำเลยทั้งสองร่วมกันเขียนและตีพิมพ์ข้อความใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ต่อประชาชนโดยทั่วไป ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ประกอบมาตรา 83จำคุกคนละ 3 เดือน ปรับคนละ 20,000 บาท จำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 2 และให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ปรับ 5,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้เขียนคอลัมน์ สังคมบ้านเรา ในหนังสือพิมพ์บำรุงราษฎร์ ฉบับวันที่ 1 ถึง 16 ตุลาคม 2536 โดยใช้นามปากกาว่าคมแฝกหรือไม่ พยานโจทก์ซึ่งเบิกความว่าผู้ที่ใช้นามปากกาว่าคมแฝกคือจำเลยที่ 2 มี 3 ปาก คือโจทก์ร้อยตำรวจเอกสมาน ตุรงค์เรือง และพันตำรวจโทอิทธิศักดิ์ สุวรรณพานิช โดยโจทก์เบิกความว่าหลังจากมีการลงข่าวในเอกสารหมาย จ.1 แล้ว พันตำรวจโทอิทธิศักดิ์ได้เรียกประชุมนายตำรวจฝ่ายสอบสวนทั้งหมด พันตำรวจโทอิทธิศักดิ์ถามพันตำรวจโทบรรพตว่าใครเป็นคนเขียนคอลัมน์ สังคมบ้านเรา พันตำรวจโทบรรพตตอบว่าจำเลยที่ 2 เป็นคนเขียน และโจทก์ทราบจากนักข่าวทั่วไปในจังหวัดปราจีนบุรีว่าผู้ที่ใช้นามปากกาว่าคมแฝกคือจำเลยที่ 2 ร้อยตำรวจเอกสมาน เบิกความว่า ในการประชุมพันตำรวจโทบรรพตยอมรับต่อพันตำรวจโทอิทธิศักดิ์ว่าเป็นผู้ให้จำเลยที่ 2 เขียนข้อความดังกล่าวลงในเอกสารหมาย จ.1 วงการผู้สื่อข่าวในจังหวัดปราจีนบุรีทราบว่าจำเลยที่ 2 ใช้นามปากกาว่าคมแฝกและพันตำรวจโทอิทธิศักดิ์ เบิกความว่า พยานรู้จักจำเลยที่ 2 เป็นอย่างดี จำเลยที่ 2 ใช้นามปากกาว่าคมแฝก เนื่องจากพยานเป็นเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่เห็นได้ว่าคำเบิกความของโจทก์และร้อยตำรวจเอกสมานถึงคำพูดของพันตำรวจโทบรรพตที่พูดต่อพันตำรวจโทอิทธิศักดิ์ ไม่ตรงกัน ส่วนพันตำรวจโทอิทธิศักดิ์ซึ่งเป็นคนที่พยานทั้งสองอ้างว่าพันตำรวจโทบรรพตพูดด้วยกลับไม่ได้เบิกความถึงเรื่องนี้คำเบิกความของโจทก์และร้อยตำรวจเอกสมานจึงมีน้ำหนักน้อย เมื่อจำเลยนำพันตำรวจโทบรรพตมาเบิกความหักล้างว่าพยานไม่เคยนำข่าวดังกล่าวไปบอกแก่ผู้สื่อข่าว พยานไม่รู้จักว่าผู้ที่ใช้นามปากกาว่าคมแฝกคือผู้ใด โจทก์ไม่ได้ถามค้านพันตำรวจโทบรรพตถึงเรื่องที่พันตำรวจโทบรรพตบอกพันตำรวจโทอิทธิศักดิ์ในที่ประชุมนายตำรวจฝ่ายสอบสวนตามข้ออ้างของโจทก์และร้อยตำรวจเอกสมาน ข้ออ้างของโจทก์ในเรื่องนี้จึงไม่น่าเชื่อถือ ส่วนที่โจทก์เบิกความว่า โจทก์ทราบจากนักข่าวทั่วไปในจังหวัดปราจีนบุรีว่าผู้ที่ใช้นามปากกาว่าคมแฝก คือจำเลยที่ 2 และร้อยตำรวจเอกสมานเบิกความว่า วงการผู้สื่อข่าวในจังหวัดปราจีนบุรีทราบว่าจำเลยที่ 2 ใช้นามปากกาว่าคมแฝกเป็นคำกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยเพราะนอกจากโจทก์จะไม่นำตัวนักข่าวที่ให้ข่าวแก่โจทก์มาเบิกความแล้ว โจทก์ยังไม่ระบุตัวผู้ที่ให้ข่าวดังกล่าวแก่โจทก์ด้วย ทั้งร้อยตำรวจเอกสมานก็ไม่ใช่ผู้สื่อข่าวและไม่ปรากฏว่าร้อยตำรวจเอกสมาน ทราบว่าจำเลยที่ 2ใช้นามปากกาว่าคมแฝกได้อย่างไร คำเบิกความของโจทก์และร้อยตำรวจเอกสมานจึงไม่มีน้ำหนัก และที่พันตำรวจโทอิทธิศักดิ์เบิกความว่า พยานรู้จักจำเลยที่ 2 เป็นอย่างดี และเนื่องจากพยานเป็นเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่จึงทราบว่าจำเลยที่ 2 ใช้นามปากกาว่าคมแฝกนั้น เห็นว่า การใช้นามปากกาแทนชื่อจริง บุคคลทั่วไปจะรู้จักแต่นามปากกาไม่สามารถรู้ชื่อจริงได้ แม้จะเป็นบุคคลในท้องที่นั้นหรือเจ้าพนักงานตำรวจในท้องที่นั้นก็ตาม การเป็นเจ้าพนักงานตำรวจในท้องที่นั้นไม่ได้ทำให้เกิดความรู้ขึ้นมาได้ว่านามปากกาใดเป็นของผู้ใด คำเบิกความของพันตำรวจโทอิทธิศักดิ์ไม่ได้แสดงเหตุผลที่น่าเชื่อถือว่าพันตำรวจโทอิทธิศักดิ์รู้ได้อย่างไรว่าจำเลยที่ 2 ใช้นามปากกาว่าคมแฝก จึงไม่มีน้ำหนักเช่นกัน พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้เขียนคอลัมน์ สังคมบ้านเรา ในหนังสือพิมพ์บำรุงราษฎร์โดยใช้นามปากกาว่าคมแฝก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share