คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6210/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีอาญานั้นแม้จำเลยจะให้การหรือไม่ให้การซึ่งถือเป็น สิทธิของจำเลยก็ตาม แต่คดีนี้จำเลยได้ให้การรับสารภาพ ตามฟ้องโจทก์ทุกประการแล้ว แสดงว่าจำเลยยอมรับว่าตน กระทำความผิดตามที่โจทก์กล่าวหามาในคำฟ้องนั้น ส่วนการขอแก้คำให้การของจำเลยนั้น ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสองจำเลยสามารถยื่นคำร้องขอแก้คำให้การได้ต่อเมื่อมีเหตุอันควรมิใช่เป็นไปตามอำเภอใจของจำเลย อีกทั้งเป็นดุลพินิจของศาลเห็นสมควรจึงอนุญาตให้แก้ได้ การที่จำเลยยื่นคำร้องขอแก้คำให้การในคดีนี้จำเลยกระทำเพื่อประวิงคดีเท่านั้นจึงเป็นกรณีที่ไม่มีเหตุอันควร ศาลไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การรับสารภาพ คดีอยู่ในระหว่างศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาจำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำให้การรับสารภาพนั้นเป็นให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเห็นว่า คดีอาญานั้นแม้จำเลยจะให้การหรือไม่ให้การเป็นสิทธิของจำเลยก็ตาม แต่คดีนี้จำเลยก็ได้ให้การไว้แล้วโดยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ซึ่งแสดงว่าจำเลยยอมรับว่าตนกระทำความผิดตามที่โจทก์กล่าวหามาในคำฟ้องนั้นส่วนการขอแก้คำให้การของจำเลยนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง บัญญัติว่า “เมื่อมีเหตุอันควรจำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การของเขาก่อนศาลพิพากษา ถ้าศาลเห็นสมควรอนุญาต ก็ให้ส่งสำเนาแก่โจทก์”ดังนี้แสดงว่า จำเลยสามารถยื่นคำร้องขอแก้คำให้การได้ต่อเมื่อมีเหตุสมควร มิใช่เป็นไปตามอำเภอใจของจำเลยอีกทั้งเป็นดุลพินิจของศาลเห็นสมควรจึงอนุญาตให้แก้ได้การที่จำเลยยื่นคำร้องขอแก้คำให้การในคดีนี้ เป็นที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยกระทำเพื่อประวิงคดีเท่านั้น จึงเป็นกรณีที่ไม่มีเหตุอันควรที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share