คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้ร้องนำคำพิพากษาไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน ย่อมถือได้ว่าเป็นการดำเนินการในชั้นบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง หากเจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการให้ย่อมจะเกิดความเสียหายแก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งและถูกโต้แย้งสิทธิ ชอบที่จะร้องขอเข้ามาในชั้นบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1)
กรณีนี้ผู้คัดค้านซึ่งไม่ได้ร้องคัดค้านเข้ามาในคดีก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาแสดงกรรมสิทธิ์ ถือได้ว่าผู้คัดค้านเป็นบุคคลภายนอก จึงสามารถพิสูจน์ในชั้นนี้ได้ว่าผู้คัดค้านมีสิทธิดีกว่าผู้ร้อง คำพิพากษาที่แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ผูกพันผู้คัดค้านตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 (2)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าที่ดินดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ ค่าคำร้องขอเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษากลับว่า ที่โฉนดเลขที่ ๒๖๐๑ ตำบลปทุม (ในเมือง) อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เฉพาะส่วนทางด้านเหนือตามแผนที่จำลองเอกสารหมาย ร. ๒ เนื้อที่ ๒ งาน ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ และคดีถึงที่สุด
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๖๐๑ ดังกล่าว ผู้ร้องยื่นคำร้องขอโดยปกปิดความจริงต่อศาลด้วยการแสดงสำเนาภาพถ่ายสารบัญการจดทะเบียนที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๖๐๑ เฉพาะส่วนที่นายโมฮารซิงห์ มงกะ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ทำให้ศาลไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องขอให้ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านจึงไม่ทราบว่าผู้ร้องยื่นคำร้องขอในคดีนี้ ไม่มีโอกาสคัดค้าน ผู้คัดค้านเพิ่งทราบเรื่องเมื่อผู้ร้องนำคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ไปขอจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี หากเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีจดทะเบียนสิทธิให้ผู้ร้องจะทำให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงได้รับความเสียหาย ขอเข้าเป็นคู่ความในคดีเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิของผู้คัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๑) และขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านนำพยานหลักฐานเข้าสืบและซักค้านพยานผู้ร้องแล้วพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว หากผู้คัดค้านมีสิทธิในทรัพย์พิพาทอย่างไรหรือถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายประการใดก็ชอบที่จะฟ้องเป็นคดีใหม่ ยกคำร้องขอ ค่าคำร้องขอเป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนทางด้านทิศเหนือของที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๒๖๐๑ ตำบลปทุม (ในเมือง) อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง การที่ผู้ร้องนำคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนย่อมถือได้ว่าเป็นการดำเนินการในชั้นบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง หากเจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการให้ย่อมจะเกิดความเสียหายแก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าว ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งและถูกโต้แย้งสิทธิชอบที่จะร้องขอเข้ามาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๑) กรณีนี้ผู้คัดค้านซึ่งไม่ได้ร้องคัดค้านเข้ามาในคดีก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาแสดงกรรมสิทธิ์ ถือได้ว่าผู้คัดค้านเป็นบุคคลภายนอก จึงสามารถพิสูจน์ในชั้นนี้ได้ว่าผู้คัดค้านมีสิทธิดีกว่าผู้ร้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ผูกพันผู้คัดค้าน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ (๒) ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอของผู้คัดค้าน ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้คัดค้านฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้รับคำร้องขอของผู้คัดค้านไว้ดำเนินการไต่สวนแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่.

Share