คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5422/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เช็คพิพาทเป็นเช็คที่บริษัท ส. ออกเพื่อชำระค่าซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารให้แก่โจทก์ แต่เมื่อยังไม่ได้ส่งมอบให้โจทก์อีกทั้ง น. ลูกจ้างโจทก์ยังไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองเอาเช็คพิพาทไว้แต่อย่างใด โจทก์จึงยังไม่เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ในเช็คพิพาทยังอยู่ในความครอบครองของบริษัท ส. การที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายการเงินของบริษัท ส. ให้ น. ลงชื่อในเอกสารว่าได้รับเช็คพิพาท แต่จำเลยยังยึดถือเช็คพิพาทไว้ไม่ส่งมอบให้ น. ตัวแทนโจทก์ จึงยังไม่ถือว่าการครอบครองในเช็คพิพาทได้ผ่านมือไปยังโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงมิใช่ เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่21 กรกฎาคม 2538 โจทก์ได้รับจ้างซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารให้บริษัทสามัคคีสาร (ดอกหญ้า) จำกัด ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม 2538โจทก์โดยนายวิชัย อนันต์ตระการกิจ หุ้นส่วนผู้จัดการได้ให้นางสาวนพเกล้า ลับไพรี ลูกจ้างโจทก์ไปรับเงินค่าซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารจากบริษัทสามัคคีสาร (ดอกหญ้า) จำกัดนางสาวนพเกล้าไปพบจำเลยซึ่งนั่งอยู่ที่ห้องฝ่ายการเงินจำเลยให้นางสาวนพเกล้าลงชื่อในเอกสารเพื่อรับเช็ค ครั้นนางสาวนพเกล้าลงชื่อในเอกสารรับเช็คแล้ว จำเลยไม่ยอมส่งมอบเช็คให้แก่นางสาวนพเกล้า โดยอ้างว่าจำเลยจะติดต่อโจทก์เองเช็คที่บริษัทสามัคคีสาร (ดอกหญ้า) จำกัด จะมอบให้นางสาวนพเกล้ารับไปนั้นเป็นเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ (มหาชน)จำกัด สาขาตรีเพชร เลขที่ 2624969 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2538สั่งจ่ายเงิน 61,276.80 บาท ตามภาพถ่ายเช็คหมาย จ.5 หรือ ล.5และ ล.7 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คดีของโจทก์มีมูลที่จะฟ้องร้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 หรือไม่ เห็นว่า แม้เช็คพิพาทเป็นเช็คที่บริษัทสามัคคีสาร (ดอกหญ้า) จำกัด ออกให้เพื่อชำระค่าซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารให้แก่โจทก์แต่ยังไม่ได้ส่งมอบเช็คให้โจทก์อีกทั้งนางสาวนพเกล้า ลูกจ้างของโจทก์ก็ยังไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองเอาเช็คพิพาทไว้แต่อย่างใด จึงยังไม่เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ในเช็คพิพาทยังอยู่ในความครอบครองของบริษัทสามัคคีสาร (ดอกหญ้า) จำกัด การที่จำเลยให้นางสาวนพเกล้าลงชื่อในเอกสารว่าได้รับเช็คพิพาทแต่จำเลยก็ยึดถือเช็คพิพาทไว้ไม่ส่งมอบให้นางสาวนพเกล้าตัวแทนโจทก์ก็ยังไม่ถือว่าการครอบครองในเช็คพิพาทได้ผ่านมือไปยังโจทก์โดยแท้จริงแน่นอน เพราะเช็คพิพาทหรือทรัพย์ดังกล่าวยังเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทสามัคคีสาร (ดอกหญ้า) จำกัดซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยอยู่ การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้องที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share