คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4683/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามฟ้องโจทก์แต่ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน โจทก์นำสืบแต่เพียงว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ โดยโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลย เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนหรือไม่ และอาวุธปืนดังกล่าวมีเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน ประทับหรือไม่ เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักพอลงโทษจำเลยในฐานะนี้ สำหรับความผิดฐานย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายข้อเท็จจริง เมื่อปรากฏจากการนำสืบของโจทก์ว่า ศพของผู้ตายถูกเคลื่อนย้ายไปเพียง 20 เมตรและย้ายไปอยู่ในที่เปิดเผยสามารถถูกพบได้โดยง่ายจึงไม่มีลักษณะเป็นการย้ายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายอันจะเป็นความผิดในฐานนี้จำเลยจึงไม่มีความผิดในฐานนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองสั้น ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับ 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาดเบอร์ 12จำนวน 1 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายธีรพล ทองสงฆ์ ผู้ตายและใช้ไม้ปีกมะพร้าวตีบริเวณศีรษะของผู้ตายหลายครั้งโดยมีเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้องหลังจากนั้นจำเลยทำการย้ายศพหรือส่วนของศพผู้ตายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 199, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายสวัสดิ์ ทองสงฆ์ บิดาผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 199 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุกตลอดชีวิต ฐานย้ายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จำคุก 6 เดือนฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี จำเลยรับสารภาพในชั้นสอบสวนฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 33 ปี4 เดือน ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง จำคุก 8 เดือนรวมจำคุก 34 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นที่ยุติในเบื้องต้นว่าเมื่อวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง คนร้าย ใช้อาวุธปืนยิงและใช้ของมีคมฟันยธีรพล ทองสงฆ์ ผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายและศพผู้ตายอยู่ห่างจากบ้านจำเลยประมาณ 20 เมตร ก่อนเกิดเหตุจำเลยนายศุภฤกษ์ จันทร์ศรีนาค นายสุรเชษฐ์ ชูเอียด นายทองดี แซ่ตัน และผู้ตายนั่งดื่มสุราด้วยกันที่บ้านจำเลย และข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นคนร้ายรายนี้
ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ โจทก์นำสืบแต่เพียงว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพโดยไม่ได้นำสืบว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนหรือไม่ และอาวุธปืนดังกล่าวมีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานประทับหรือไม่ เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักพอลงโทษจำเลยในฐานนี้ และความผิดฐานย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายข้อเท็จจริงปรากฏจากการนำสืบของโจทก์ว่า ศพของผู้ตายถูกเคลื่อนย้ายไปเพียง 20 เมตร และย้ายไปอยู่ในที่เปิดเผยสามารถถูกพบได้โดยง่ายจึงไม่มีลักษณะเป็นการย้ายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายอันจะเป็นความผิดในฐานนี้แต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีความผิดในฐานนี้เช่นกัน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 18 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุก 12 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share