แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงและยักยอกรวม 15 กระทง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,352,91ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าฟ้องเคลือบคลุมพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รับฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหาความผิดฐานยักยอกเงินจำนวน 50,000 บาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ไว้ทำการไต่สวนมูลฟ้องเพียงกระทงเดียว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอกกระทงอื่น แล้ว จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 แม้จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 341, 352
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้ว เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงโจทก์แล้วได้ไปซึ่งทรัพย์สินคือเงินจำนวน146,830 บาท อันเป็นการฉ้อโกงและในขณะเดียวกันหลังจากฉ้อโกงแล้วจำเลยได้ยักยอกเงินจำนวนดังกล่าว โจทก์ไม่ยืนยันว่าจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกหรือฉ้อโกง เป็นฟ้องเคลือบคลุมพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รับฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหาความผิดฐานยักยอกเงินจำนวน 50,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ไว้ทำการไต่สวนมูลฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงและยักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 352, 91ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รับฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหาความผิดฐานยักยอกเงินจำนวน50,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ไว้ทำการไต่สวนมูลฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ข้อ 2.2 ถึง 2.15 ในความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอกแล้วโจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220แม้ฎีกาโจทก์จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมก็ตาม
พิพากษายกฎีกาโจทก์