คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3072/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) ซึ่งบัญญัติว่าเมื่อปรากฏว่าผู้ใดกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูง เกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดยี่สิบปีนั้น เป็นบทบัญญัติ เกี่ยวกับการลงโทษจำคุกจำเลยในกรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมเกี่ยวพันกัน โดยอาจถูกฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือแยกฟ้องเป็นหลายคดีสำหรับคดีของจำเลยทั้ง 11 คดีซึ่งเป็นคดีที่จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ 10 คดี และฐานรับของโจร 1 คดีนั้น เป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระแยกต่างหากโดยไม่มีความเกี่ยวพันกัน ทั้งไม่อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) จึงนับโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาทั้ง 11 คดี ติดต่อกันเกินกว่า 20 ปีได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย3 ปี 6 เดือน และให้นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3507/2538, 7479/2537, 2877/2538 ของศาลอาญาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1233/2538 ของศาลอาญาธนบุรีคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1949/2537 (ที่ถูก 1949/2538), 1958/2537 (ที่ถูก 1958/2538) ของศาลชั้นต้น
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยถูกพนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุดฟ้องและถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้วรวม 11 คดี คือ 1. คดีนี้จำคุก 3 ปี 6 เดือน2. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1949/2538 ของศาลชั้นต้น จำคุก 4 ปี3. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1958/2538 ของศาลชั้นต้น จำคุก 2 ปี4. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7479/2537 ของศาลอาญา จำคุก 2 ปี 6 เดือน 5. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2877/2538 ของศาลอาญา จำคุก 3 ปี 6. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3704/2538 ของศาลอาญา จำคุก 3 ปี 7. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3507/2538 ของศาลอาญา จำคุก 4 ปี 8. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2931/2538 ของศาลอาญา จำคุก 2 ปี 6 เดือน 9. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3902/2538 ของศาลอาญา จำคุก 3 ปี 10. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3099/2538 ของศาลอาญาธนบุรี จำคุก 4 ปี 8 เดือน 11. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5400/2538 ของศาลอาญาธนบุรี จำคุก 3 ปี 6 เดือน การที่ศาลชั้นต้นนับโทษจำคุกจำเลยติดต่อกันเกิน 20 ปี ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา 91(2) จึงขอให้นับโทษจำคุกจำเลยติดต่อกันทั้ง 11 คดี แล้วไม่เกิน 20 ปี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นับโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวข้างต้นทั้ง 11 คดีติดต่อกันเกิน 20 ปีนั้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2)ซึ่งบัญญัติว่า เมื่อปรากฏว่าผู้ใดกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปแต่สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วโทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดยี่สิบปีนั้น เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการลงโทษจำคุกจำเลยในกรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมเกี่ยวพันกันโดยอาจถูกฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือแยกฟ้องเป็นหลายคดี สำหรับคดีของจำเลยทั้ง 11 คดี ซึ่งเป็นคดีที่จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ 10 คดี และฐานรับของโจร 1 คดีนั้น เป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระแยกต่างหากโดยไม่มีความเกี่ยวดันกัน ทั้งไม่อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้คดีตามฎีกาของจำเลยจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(2) จึงนับโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาทั้ง 11 คดีติดต่อกันเกินกว่า 20 ปีได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share