คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอเพิกถอนการโอนตามมติที่ประชุมกรรมการเจ้าหนี้โดยผู้คัดค้านที่ 3 ได้ชดใช้ราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่กองทรัพย์สินของจำเลย การที่ผู้คัดค้านที่ 3 ขอยุติข้อพิพาทโดยเสนอผู้ร้องขอชดใช้ราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 1,400,000 บาท แทนการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่กองทรัพย์สินของจำเลยอันมีลักษณะเป็นการขอประนีประนอมยอมความซึ่งผู้ร้องจะประนีประนอมยอมความได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบของกรรมการเจ้าหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 145(5) ดังนี้เมื่อปรากฏว่าที่ประชุมกรรมการเจ้าหนี้มีมติยอมรับข้อเสนอของ ผู้คัดค้านที่ 3 แล้ว จึงเท่ากับเป็นการให้ความเห็นชอบในการที่ผู้ร้องประนีประนอมยอมความกับผู้คัดค้านที่ 3และโดยผลแห่งการประนีประนอมยอมความ ย่อมทำให้ผู้ร้องหมดสิทธิบังคับให้เพิกถอนการโอนอีกต่อไป กรณีไม่จำต้องสั่งคำร้องขอถอนคำร้องขอเพิกถอนการโอนของผู้ร้อง และการที่จะพิจารณาฎีกาของผู้คัดค้านที่ 3 ที่คัดค้านการเพิกถอนการโอนระหว่างผู้คัดค้านที่ 2 กับที่ 3 ย่อมไม่เป็นประโยชน์ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีผู้คัดค้านที่ 3 ออกเสียจากสารบบความของศาลฎีกา

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2528 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2528 และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2529 จำเลยยังไม่พ้นภาวะล้มละลาย ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ ขอให้เพิกถอนการกระทำของจำเลยที่ยินยอมให้นายพรพงษ์ถือกรรมสิทธิ์แทนในที่ดินโฉนดเลขที่ 140145พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 61/3 โดยให้เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์กลับมาเป็นของจำเลย เพิกถอนการโอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างระหว่างนายพรพงษ์กับผู้คัดค้านที่ 1 เพิกถอนการขายฝากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างระหว่างผู้คัดค้านที่ 1 กับที่ 2 และเพิกถอนการโอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างระหว่างผู้คัดค้านที่ 2 กับที่ 3และให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่ยอมปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาหรือคำสั่งแทนการแสดงเจตนาของผู้คัดค้านทั้งสาม ในกรณีที่ไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้นายพรพงษ์และผู้คัดค้านทั้งสามร่วมกันใช้ราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 2,643,046 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องขอเพิกถอนการโอนจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
นายพรพงษ์ ใจยืน ยื่นคำแถลงรับว่าเป็นบุตรจำเลย จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 140145 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 61/3 โดยใส่ชื่อนายพรพงษ์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนนายพรพงษ์ไม่เคยทำสัญญาขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1
ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านว่า
ผู้คัดค้านที่ 2 ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ผู้คัดค้านที่ 3 ยื่นคำคัดค้านว่า นายพรพงษ์ ใจยืนเป็นผู้ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามคำร้องจากนายพงษ์ศักดิ์วิสุทธิผล เมื่อประมาณปี 2530 ผู้คัดค้านที่ 3 ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และได้ชำระราคาให้แก่ผู้ขายครบถ้วนแล้วในวันจดทะเบียนโอนขายการโอนได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนผู้คัดค้านที่ 3 ไม่เคยทราบว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเคยเป็นของจำเลยและจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ทั้งมิได้กระทำโดยรู้เห็นเป็นใจหรือสมยอมกันเพื่อให้จำเลยจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของตนเป็นของบุคคลอื่น อันทำให้เจ้าหนี้อื่นได้รับความเสียหายหรือเสียเปรียบผู้คัดค้านที่ 3 เข้าอยู่อาศัยในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและได้ปรับปรุงต่อเติมสิ่งปลูกสร้างเสียเงินประมาณ 2,000,000 บาทการโอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างระหว่างนายพรพงษ์กับผู้คัดค้านที่ 1 ได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มีคำสั่งให้เพิกถอนการกระทำของจำเลยที่ยินยอมให้นายพรพงษ์ ใจยืน ถือกรรมสิทธิ์แทนในที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 140145 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 61/3 โดยเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวกลับมาเป็นของจำเลย เพิกถอนการโอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวระหว่างนายพรพงษ์กับผู้คัดค้านที่ 1 เพิกถอนการขายฝากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวระหว่างผู้คัดค้านที่ 1 กับที่ 2และเพิกถอนการโอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวระหว่างผู้คัดค้านที่ 2 กับที่ 3 และให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากผู้คัดค้านทั้งสามคนใดไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาตามคำสั่งแทนการแสดงเจตนา หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้นายพรพงษ์และผู้คัดค้านทั้งสามร่วมกันชดใช้ราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 2,643,046 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
ผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอเพิกถอนการโอนตามมติที่ประชุมกรรมการเจ้าหนี้โดยผู้คัดค้านที่ 3ได้ชดใช้ราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่กองทรัพย์สินของจำเลยเห็นว่า คำร้องของผู้ร้องดังกล่าวสืบเนื่องมาจากผู้คัดค้านที่ 3ขอยุติข้อพิพาทโดยเสนอผู้ร้องขอชดใช้ราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง1,400,000 บาท แทนการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่กองทรัพย์สินของจำเลยอันมีลักษณะเป็นการขอประนีประนอมยอมความซึ่งผู้ร้องจะประนีประนอมยอมความได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบของกรรมการเจ้าหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 145(5) เมื่อปรากฏตามสำเนารายงานการประชุมกรรมการเจ้าหนี้ครั้งอื่น (ที่เลื่อนมา) ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2540 ท้ายคำร้องที่ประชุมกรรมการเจ้าหนี้มีมติยอมรับข้อเสนอของผู้คัดค้านที่ 3เท่ากับเป็นการให้ความเห็นชอบในการที่ผู้ร้องประนีประนอมยอมความกับผู้คัดค้านที่ 3 และโดยผลแห่งการประนีประนอมยอมความ ย่อมทำให้ผู้ร้องหมดสิทธิบังคับให้เพิกถอนการโอนอีกต่อไป กรณีไม่จำต้องสั่งคำร้องขอถอนคำร้องขอเพิกถอนการโอนของผู้ร้อง และการที่จะพิจารณาฎีกาของผู้คัดค้านที่ 3 ที่คัดค้านการเพิกถอนการโอนระหว่างผู้คัดค้านที่ 2 กับที่ 3 ก็ไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างไรสมควรจำหน่ายคดีเสีย
ให้จำหน่ายคดีผู้คัดค้านที่ 3 ออกเสียจากสารบบความของศาลฎีกาค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share