คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่น หรือเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในคดีล้มละลายนั้นเอง และในชั้น จ.พ.ท. นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 104 แม้จะไม่มีผู้คัดค้านคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ก็ตาม เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้นั้น มีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า มูลหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้มีอยู่จริงและลูกหนี้ต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าว การที่เจ้าหนี้ส่งสำเนาคำแถลงที่เจ้าหนี้ขอคัดสำเนาคำพิพากษาและสำเนาบัญชีค่าฤชาธรรมเนียม กับขอต้นฉบับคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน การ์ดบัญชีกระแสรายวันและหนังสือทวงถามคืนจากศาลจังหวัดจันทบุรี กับแนบสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งที่รับรองสำเนาถูกต้องมาท้ายอุทธรณ์นั้นเป็นเวลาภายหลังจาก จ.พ.ท. ทำความเห็นเสนอต่อศาลชั้นต้นให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ และศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้แล้ว จึงพ้นกำหนดเวลาสอบสวนของ จ.พ.ท. และพ้นกำหนดเวลาพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ จ.พ.ท. หรือศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้เจ้าหนี้นำสำเนาเอกสารเหล่านั้นมาอ้างได้ สำหรับสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งที่มีการรับรองสำเนาถูกต้องที่เจ้าหนี้แนบมาท้ายอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลาที่เจ้าหนี้จะส่งอ้างเอกสารเป็นพยานได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อน จ.พ.ท. จะทำความเห็นเสนอต่อศาลชั้นต้น เจ้าหนี้ก็แถลงหมดพยาน และขอใช้สำเนาเอกสารที่ส่งอ้างไว้แล้วเป็นพยานเท่านั้น เท่ากับเจ้าหนี้ไม่ติดใจที่จะส่งอ้างต้นฉบับเอกสารดังกล่าวแล้ว จึงไม่ชอบที่เจ้าหนี้จะยกเอาเรื่องการที่ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารและไม่สามารถคัดสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งกับสำเนาบัญชีค่าฤชาธรรมเนียมที่รับรองสำเนาถูกต้องมาแสดงต่อ จ.พ.ท.ขึ้นมาอ้างอีก ชอบที่ศาลจะพิจารณาพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏอยู่ในสำเนาการสอบสวนของ จ.พ.ท. เท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาด ต่อมาธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน)โดยนายประภาส เฉลยมรรค ผู้รับมอบอำนาจเจ้าหนี้ ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเงิน 600,808.18 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ รายละเอียดปรากฏตามบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้เสียทั้งสิ้น ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 107(1)
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า เมื่อเจ้าหนี้นำนางวัชรี พงษ์ประเสริฐ ไปให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำการสอบสวนแล้ว เจ้าหนี้แถลงขอส่งอ้างเอกสารเพิ่มเติมภายในวันที่ 3 พฤษภาคม 2538 แต่เจ้าหนี้ไม่ส่งเอกสารเพิ่มเติมภายในกำหนดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงหมายนัดให้เจ้าหนี้ส่งเอกสารที่จะอ้างเพิ่มเติมถึง 2 ครั้ง ต่อมาวันที่ 14 สิงหาคม 2538เจ้าหนี้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า ต้นฉบับคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน การ์ดบัญชีกระแสรายวันเลขที่ 566และหนังสือทวงถามที่จะอ้างเพิ่มเติมอยู่ในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 378/2530 ของศาลจังหวัดจันทบุรี เจ้าหนี้ได้ขอต้นฉบับเอกสารดังกล่าวคืนและขอคัดสำเนาคำพิพากษากับสำเนาบัญชีค่าฤชาธรรมเนียมในคดีดังกล่าวโดยให้รับรองสำเนาถูกต้องจากศาลจังหวัดจันทบุรีแล้วแต่เจ้าหน้าที่ศาลหาสำนวนดังกล่าวไม่พบ ขอเลื่อนการส่งเอกสารไปอีก30 วัน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อนุญาต ครั้นวันที่ 28 พฤศจิกายน2538 เจ้าหนี้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอเลื่อนการส่งเอกสารออกไปอีก 30 วัน อ้างเหตุอย่างเดียวกับครั้งก่อนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อนุญาต แต่เจ้าหนี้ก็ไม่ส่งเอกสารตามกำหนดที่ขอ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงหมายนัดให้เจ้าหนี้ส่งเอกสารภายในกำหนด 15 วัน ในที่สุดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2539 เจ้าหนี้ยื่นคำแถลงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าเจ้าหนี้ที่ศาลยังหาสำนวนคดีแพ่งดังกล่าวไม่พบ เจ้าหนี้จึงหมดพยานโดยขอใช้เอกสารที่ส่งอ้างไว้แล้วประกอบการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ว่า เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้หรือไม่ เห็นว่า ผู้ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นหรือเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในคดีล้มละลายนั้นเอง และในชั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แม้จะไม่มีผู้คัดค้านคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ก็ตาม เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้นั้น มีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า มูลหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้มีอยู่จริงและลูกหนี้ต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าว การที่เจ้าหนี้คดีนี้ส่งอ้างสำเนาภาพถ่ายคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเอกสารหมาย จ.2 ต้นฉบับตัวอย่างลายมือชื่อเอกสารหมาย จ.3 สำเนาภาพถ่ายคำฟ้องเอกสารหมาย จ.4 และสำเนาภาพถ่ายคำพิพากษาท้ายคำขอรับชำระหนี้เป็นพยานนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 บัญญัติว่าการอ้างเอกสารเป็นพยานนั้นให้ยอมรับฟังได้แต่ต้นฉบับเอกสารเท่านั้นแต่สำเนาภาพถ่ายเอกสารที่เจ้าหนี้ส่งอ้างต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อประกอบการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้มิใช่ต้นฉบับเอกสาร จึงต้องห้ามมิให้รับฟัง ที่เจ้าหนี้อ้างว่าได้แจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบแล้วว่าต้นฉบับคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน การ์ดบัญชีกระแสรายวันเลขที่ 866 และหนังสือทวงถามเจ้าหนี้ได้ส่งอ้างไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 378/2530ของศาลจังหวัดจันทบุรี ที่เจ้าหนี้เป็นโจทก์ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งสามัญ เจ้าหนี้ติดต่อขอต้นฉบับเอกสารดังกล่าวคืน และขอคัดสำเนาคำพิพากษากับสำเนาบัญชีค่าฤชาธรรมเนียมที่รับรองสำเนาถูกต้องคดีดังกล่าวจากศาลจังหวัดจันทบุรีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ศาลหาสำนวนไม่พบ จึงไม่ได้ต้นฉบับเอกสารและสำเนาคำพิพากษากับสำเนาบัญชีค่าฤชาธรรมเนียมที่รับรองสำเนาถูกต้องมาส่งอ้างต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ก็ไม่ปรากฏว่าในชั้นสอบสวนเจ้าหนี้ได้แสดงหลักฐานต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้เชื่อได้ว่าข้ออ้างของเจ้าหนี้เป็นความจริง ดังนี้ จึงไม่ใช่กรณีที่ต้นฉบับเอกสารหาไม่ได้เพราะสูญหายหรือถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัย หรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่น เพื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลจะอนุญาตให้เจ้าหนี้นำสำเนาหรือพยานบุคคลมาสืบได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) ส่วนที่เจ้าหนี้ส่งสำเนาคำแถลงที่เจ้าหนี้ขอคัดสำเนาคำพิพากษาและสำเนาบัญชีค่าฤชาธรรมเนียมกับขอต้นฉบับคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน การ์ดบัญชีกระแสรายวันเลขที่ 866 และหนังสือทวงถามคืนจากศาลจังหวัดจันทบุรี กับแนบสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งที่รับรองสำเนาถูกต้องมาท้ายอุทธรณ์นั้น ก็เป็นเวลาภายหลังจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นเสนอต่อศาลชั้นต้นให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้แล้ว จึงพ้นกำหนดเวลาสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และพ้นกำหนดเวลาพิจารณาของศาลชั้นต้นที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้เจ้าหนี้นำสำเนาเอกสารมาอ้างได้ ส่วนสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งที่มีการรับรองสำเนาถูกต้องที่เจ้าหนี้แนบมาท้ายอุทธรณ์ก็พ้นกำหนดเวลาที่เจ้าหนี้จะส่งอ้างเอกสารเป็นพยานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะทำความเห็นเสนอต่อศาลชั้นต้น เจ้าหนี้ก็แถลงหมดพยาน และขอใช้สำเนาเอกสารที่ส่งอ้างไว้แล้วเป็นพยานเท่านั้นเท่ากับเจ้าหนี้ไม่ติดใจที่จะส่งอ้างต้นฉบับเอกสารและสำเนาคำพิพากษากับสำเนาบัญชีค่าฤชาธรรมเนียมในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 378/2530ของศาลจังหวัดจันทบุรีแล้ว จึงไม่ชอบที่เจ้าหนี้จะยกเอาเรื่องการที่ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารและไม่สามารถคัดสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งกับสำเนาบัญชีค่าฤชาธรรมเนียมที่รับรองสำเนาถูกต้องมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขึ้นมาอ้างอีก ทั้งไม่ชอบที่จะส่งอ้างเอกสารเพิ่มเติมอีก จึงชอบที่ศาลล่างทั้งสองจะพิจารณาพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เมื่อสำเนาเอกสารที่เจ้าหนี้ส่งอ้างเป็นพยานรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ เจ้าหนี้คงมีแต่นางวัชรีเพียงปากเดียวให้การกล่าวลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน จึงไม่มีน้ำหนักให้ฟังได้ว่ามูลหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้มีอยู่จริง และลูกหนี้ต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าว ที่เจ้าหนี้ฎีกาว่าเจ้าหนี้ส่งอ้างสำเนาคำฟ้องและสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่ง โดยได้รับความยินยอมจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น ตามสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่ปรากฏว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้ความยินยอมดังที่เจ้าหนี้ฎีกาแต่อย่างใด ส่วนการที่ลูกหนี้ยื่นคำขอประนอมหนี้ก็มิได้เป็นข้อแสดงว่ามูลหนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้มีอยู่จริง และลูกหนี้ต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าวโดยเจ้าหนี้ไม่ต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่ามูลหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้มีอยู่จริงและลูกหนี้ต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าวอีก
พิพากษายืน

Share