แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ผู้ร้องจะเป็นบุคคลต่างด้าวแต่ผู้ร้องก็ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ที่จะจัดการมรดกของผู้ตาย การเป็นบุคคลต่างด้าวหาเป็นอุปสรรคในการจัดการมรดกของผู้ตายแต่อย่างใดไม่ เมื่อผู้ร้องเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย จึงมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดก ของผู้ตายร่วมกับผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เดิมนายมงคล แพรักขกิจ สมรสกับนางเรณุ แพรักขกิจมีบุตรด้วยกัน 6 คน หลังจากนางเรณูถึงแก่กรรมนายมงคลจึงจดทะเบียนสมรสกับผู้ร้อง เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2538นายมงคลถึงแก่กรรมโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมหรือแต่งตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก ทรัพย์มรดกของนายมงคลจึงตกเป็นของผู้ร้องกึ่งหนึ่งตามกฎหมาย การจัดการมรดกเป็นเหตุขัดข้อง ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายที่จะเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ศาลแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายมงคลผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องเป็นบุคคลต่างด้าวเพิ่งแต่งงานใหม่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในทรัพย์มรดกของผู้ตายจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายผู้คัดค้านเป็นบุตรคนโตของผู้ตาย ทายาทโดยธรรมของผู้ตายเห็นชอบให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายที่จะเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของนายมงคลผู้ตายแต่เพียงฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งให้นางซู่หย่วน แพรักขกิจ ผู้ร้องกับนางสุขใจ พานิชพันธ์ ผู้คัดค้านร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของนายมงคล แพรักขิกจ ผู้ตาย กับให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าเดิมผู้ตายสมรสกับนางเรณู แพรักขกิจ มีบุตรด้วยกัน 6 คนผู้คัดค้านเป็นบุตรคนโต เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2519 นางเรณูถึงแก่ความตาย ผู้ตายจึงจดทะเบียนสมรสกับผู้ร้องซึ่งเป็นคนต่างด้าวสัญชาติไต้หวัน เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2522 และอยู่กินด้วยกันตลอดมาจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ตามเอกสารหมาย ร.1 ถึง ร.3ขณะถึงแก่ความตาย ผู้ตายมีทรัพย์มรดกคือเงินฝากในธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด สาขาหัวหมาก เงินฝากในธนาคารพาณิชย์สากลแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน หุ้นในบริษัทร่วมเสริมกิจ จำกัด(มหาชน) และในบริษัทหลักทรัพย์วชิระธนทุน จำกัด ก่อนตายผู้ตายมิได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่าผู้ร้องเป็นคนต่างด้าวอ่านและเขียนภาษาไทยไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาและความยุ่งยากในการจัดการมรดกของผู้ตายผู้ร้องไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้นเห็นว่า แม้ผู้ร้องจะเป็นบุคคลต่างด้าว แต่ผู้ร้องก็ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ที่จะจัดการมรดกของผู้ตาย ฉะนั้นการที่ผู้ร้องเป็นบุคคลต่างด้าวจึงหาเป็นอุปสรรคในการจัดการมรดกของผู้ตายแต่อย่างใดไม่เมื่อผู้ร้องเป็นภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้ร้องจึงมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกับผู้คัดค้านในส่วนที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ผู้ร้องมีความขัดแย้งกับทายาทคนอื่นนั้น ฎีกาข้อนี้ผู้คัดค้านไม่เคยยกขึ้นว่ากล่าวแต่ศาลชั้นต้นศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้นชอบแล้วฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน