คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นผู้ตกลงรับจ้างก่อสร้างโรงเรือนสุกรพันธุ์ แม้จำเลยที่ 1 จะนำสืบแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้จ้างจำเลยที่ 3 ทำงานแทนก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 2 พาจำเลยที่ 4 ไปพบโจทก์ ให้โจทก์คำนวณราคาแบบติดตั้งและอุปกรณ์โดยแนะนำว่าจำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างดังกล่าว จำเลยที่ 1 มีหนังสือสั่งซื้อและติดตั้งอุปกรณ์การก่อสร้างไปถึงโจทก์ แล้วจำเลยที่ 2 โอนเงินให้โจทก์บางส่วน นอกจากนี้จำเลยที่ 2 ยังเคยติดต่อให้โจทก์ออกใบกำกับภาษีให้แก่จำเลยที่ 1 อีกด้วย กรณีจึงเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1เชิดจำเลยที่ 4 ว่าเป็นตัวแทนของตนติดต่อซื้ออุปกรณ์ติดตั้งคอกสุกรจากโจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงต้องผูกพันชำระราคาส่วนที่ค้างแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล ประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมีจำเลยที่ 4 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนเมื่อประมาณวันที่ 8 ตุลาคม 2536จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 สั่งซื้อสินค้าพร้อมทั้งให้โจทก์ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ โจทก์ดำเนินการส่งมอบสินค้าและติดตั้งอุปกรณ์ให้เสร็จแล้วจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 มอบหมายให้จำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 4 เป็นผู้ติดต่อกับโจทก์และดำเนินการแทนเป็นเงินจำนวน 944,720 บาท และฝ่ายจำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์แล้วบางส่วน คงเป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวน 344,720 บาท โจทก์ทวงถามจากฝ่ายจำเลยหลายครั้ง แต่ฝ่ายจำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 344,720 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่เคยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ และไม่เคยมอบหมายให้จำเลยที่ 3 และที่ 4เป็นตัวแทนในการซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่าจ้างจำเลยที่ 3 และที่ 4 ดำเนินการปลูกสร้างโรงเรือนสุกรพันธุ์พร้อมอุปกรณ์เป็นเงินทั้งสิ้น 2,050,000 บาท โดยจำเลยที่ 3 และที่ 4เป็นผู้ติดต่อซื้อสินค้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ จากผู้จำหน่ายสินค้าโดยตรงจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โจทก์ชอบที่จะไปว่ากล่าวแก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงและโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 7.5 ต่อปี ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้การต่อสู้คดี แต่ต่อมาได้รับอนุญาตให้ถอนคำให้การและให้การใหม่ยอมรับตามฟ้อง แล้วขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ 344,720 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 4
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาตามฎีกาโจทก์มีว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 เชิดจำเลยที่ 3 และที่ 4 ซื้อสินค้าและอุปกรณ์จากโจทก์และค้างชำระค่าสินค้าตามคำฟ้องหรือไม่ ปัญหานี้โจทก์เบิกความว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2536 จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 เจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ทับกวาง และจำเลยที่ 4 นำแบบแปลนคอกสุกรมาให้โจทก์ประเมินราคาติดตั้งคอกสุกรพร้อมอุปกรณ์ โดยแจ้งว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ประมูลงานก่อสร้างจากศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ทับกวางได้ โจทก์ตรวจประเมินราคาได้ 800,000 บาทเศษ ในการมาพบดังกล่าวจำเลยที่ 2 แนะนำจำเลยที่ 4 ให้รู้จักกับโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 แจ้งว่า จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานที่จำเลยที่ 1ประมูลได้ ภายหลังประเมินราคากันแล้วจำเลยที่ 2 ตกลงให้โจทก์เป็นผู้ติดตั้งและจัดหาอุปกรณ์ โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยที่ 4ผู้ดูแลงานของจำเลยที่ 1 ส่งใบสั่งซื้ออุปกรณ์มายังโจทก์เพื่อโจทก์จะได้ดำเนินการผลิตและติดตั้งอุปกรณ์ให้ตามที่ตกลงกันการสั่งซื้อเป็นการสั่งซื้อในนามจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ส่งใบซื้อมาทางโทรสาร ปรากฎตามเอกสารหมาย จ.1 ระหว่างโจทก์ติดตั้งอุปกรณ์ให้ตามข้อตกลงกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 สั่งเปลี่ยนแปลงแบบหลายครั้งทำให้ราคาที่โจทก์ประเมินไว้เปลี่ยนแปลงด้วย ซึ่งเมื่อติดตั้งเสร็จราคาเปลี่ยนแปลงไปเป็นเงิน 944,720 บาท หลังจากติดตั้งเสร็จมีการลงนามรับมอบงานจากศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ทับกวางแล้วปรากฎตามเอกสารหมาย จ.15 ระหว่างติดตั้งงานจำเลยที่ 2 โอนเงินให้โจทก์ 2 ครั้ง เป็นเงิน 500,000 บาท ปรากฎตามเอกสารหมาย จ.9 และ จ.10 เงินส่วนที่ค้างจำเลยที่ 2 ผัดชำระเมื่อจำเลยที่ 1 เบิกเงินจากศูนย์วิจัยฯ ได้เรียบร้อยแล้วต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 ได้รับเงินตามข้อตกลงจากศูนย์วิจัยฯแล้ว โจทก์จึงทวงถามจำเลยที่ 1 ให้ชำระเงินส่วนที่ค้าง แต่จำเลยที่ 1 บ่ายเบี่ยงตลอดมาไม่ยอมชำระ สำหรับจำเลยที่ 2เบิกความว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยที่ 1จ้างจำเลยที่ 3 ให้ทำการก่อสร้างอาคารโรงเรือนสุกรพร้อมอุปกรณ์ปรากฎรายละเอียดตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย ล.1 จำเลยที่ 3 ติดต่อซื้ออุปกรณ์การก่อสร้างจากบริษัทสิทธิ์พิศาลฟาร์ม (84) จำกัดจำเลยที่ 1 จ่ายค่าจ้างให้จำเลยที่ 3 ครบถ้วนแล้ว เห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ตกลงรับจ้างก่อสร้างโรงเรือนสุกรพันธุ์ณ ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธ์ุสัตว์ทับกวาง ปรากฎตามเอกสารหมาย จ.12แม้จำเลยที่ 1 จะนำสืบแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้จ้างจำเลยที่ 3ทำงานแทน ปรากฎตามเอกสารหมาย ล.1 ก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 2พาจำเลยที่ 4 ไปพบโจทก์ ให้โจทก์คำนวณราคาแบบติดตั้งและอุปกรณ์โดยแนะนำว่าจำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานตามที่โจทก์เบิกความจำเลยที่ 1 มีหนังสือสั่งซื้อและติดตั้งอุปกรณ์ตามเอกสารหมายจ.1 ไปถึงโจทก์ จำเลยที่ 2 โอนเงินให้โจทก์บางส่วนตามเอกสารหมาย จ.9 ถึง จ.11 จำเลยที่ 2 เคยติดต่อโจทก์ให้ออกใบกำกับภาษีให้แก่จำเลยที่ 1 ปรากฎตามเอกสารหมาย จ.3เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการห้าง จำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 4 ว่าเป็นตัวแทนของตนติดต่อซื้ออุปกรณ์ติดตั้งคอกสุกรจากโจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงต้องผูกพันชำระราคาส่วนที่ค้าง ที่จำเลยที่ 1 นำสืบต่อสู้ว่าความรับผิดตกอยู่แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 และจำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ แต่มีนิติสัมพันธ์กับบริษัทสิทธิ์พิศาลฟาร์ม (84)จำกัดไม่มีน้ำหนักให้รับฟังสู้พยานหลักฐานโจทก์ไม่ได้ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share