คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6116/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คฉบับพิพาททั้งสามฉบับ ต่อมา ช. ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท ผ. ได้นำเช็คทั้งสามฉบับดังกล่าวไปขายลดให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คแต่ละฉบับถึงกำหนดใช้เงิน ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินทุกฉบับ แต่เมื่อปรากฏว่าการที่โจทก์ได้ฟ้องบริษัท ผ.และช. กับพวกเป็นคดีแพ่งที่ศาลแพ่งให้ชำระหนี้เงินกู้และหนี้ตามสัญญาขายลดตั๋วเงินและคดีดังกล่าวคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมไปแล้ว แม้จำเลยจะมิได้เป็นคู่ความในคดีแพ่งนั้นด้วยก็ตาม ผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวก็ย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับระงับสิ้นไป และโจทก์ได้สิทธิใหม่ตามแผนที่แสดงในสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 852 และถือว่าหนี้ที่ผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คดีจึงเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 6 เดือนรวม 3 กระทง เป็นจำคุก 18 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คฉบับพิพาททั้งสามฉบับ ต่อมานายชาติชาย กิจเจริญวงศ์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทผลพนา จำกัด ได้นำเช็คทั้งสามฉบับดังกล่าวไปขายลดให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คแต่ละฉบับถึงกำหนดใช้เงิน โจทก์นำไปเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ที่ธนาคารทหารไทย จำกัด สำนักงานใหญ่เพื่อให้เรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินทุกฉบับ โดยให้เหตุผลอย่างเดียวกันว่าบัญชีผู้สั่งจ่ายปิดแล้วโจทก์ได้ฟ้องบริษัทผลพนา จำกัด และนายชาติชายกับพวกเป็นคดีแพ่งที่ศาลแพ่งให้ชำระหนี้เงินกู้และหนี้ตามสัญญาขายลดตั๋วเงิน ในคดีดังกล่าวคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2537ดังนี้ ผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับระงับสิ้นไป และโจทก์ได้สิทธิใหม่ตามที่แสดงในสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตร852 และถือว่าได้ว่าหนี้ที่ผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรับผิด
พิพากษายืน

Share