แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความยินยอมของโจทก์ตามคำขอปักเสาพาดสายในที่ดินจัดสรรข้อ 9 วรรคแรก มีข้อความว่า ข้าพเจ้าขอสัญญาว่าจะปฏิบัติตามข้อบังคับการใช้ไฟฟ้าและบริการของการไฟฟ้านครหลวง(จำเลยที่ 1) รวมทั้งที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมต่อไปทุกประการและข้าพเจ้าเข้าใจดีแล้วว่า เสาสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่าง ๆภายนอกเครื่องวัดฯ เป็นสมบัติของการไฟฟ้านครหลวง และยินยอมให้การไฟฟ้านครหลวงเปลี่ยนแปลงต่อเติม เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้เพียงพอกับผู้ใช้ภายในและภายนอกที่ดินจัดสรรด้วย คำว่า”เปลี่ยนแปลงต่อเติม” ในข้อความดังกล่าวหมายความว่าเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมใหม่ หรือแปลงหรือต่อเติมจากของเดิมเพื่อให้สามารถจ่ายไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไม่ว่าในหรือนอกที่ดินจัดสรรของโจทก์ให้ได้เพียงพอตามที่จำเลยที่ 1 จะเห็นสมควรตามความจำเป็น หาได้หมายความว่าจะทำได้เฉพาะเสาและสายไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายนอกเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมให้มีขนาดที่จะจ่ายไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ให้เพียงพอเท่านั้นไม่ส่วนข้อความในวรรคสองว่า นอกจากนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงแบบหรือแผนผังการปักเสาพาดสายไปจากแบบแผนผังที่ข้าพเจ้ายื่นไว้ต่อการไฟฟ้านครหลวง ไม่ว่าจะเป็นด้วยกรณีใดก็ตามทำให้การไฟฟ้านครหลวงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ข้าพเจ้า (โจทก์)ขอให้สัญญาว่าจะรับผิดชอบชำระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตลอดจนค่าเสียหายให้แก่การไฟฟ้านครหลวงโดยไม่มีข้อโต้แย้งแต่ประการใดนั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ตกลงยอมรับผิดที่จะชำระค่าใช้จ่ายและค่าเสียหายให้แก่จำเลยที่ 1 หากแบบหรือแผนผังที่โจทก์ยื่นขอไว้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไม่ได้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่อเติมเพื่อจ่ายไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ให้เพียงพอตามวรรคหนึ่งแต่อย่างใด ฉะนั้นแม้จำเลยที่ 1จะปักเสาพาดสายไฟฟ้าและติดตั้งเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าผ่านที่ดินของโจทก์ก็ถือได้ว่าได้รับความยินยอมจากโจทก์แล้วดังนี้จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2ที่ขอให้จำเลยที่ 1 กระทำให้ เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 1ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์แล้ว การกระทำของจำเลยที่ 2ก็ย่อมไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1408, 1409 และ 3959 และโจทก์ทำการจัดสรรที่ดินแปลงดังกล่าวขายให้แก่ประชาชนทั่วไป ใช้ชื่อว่าโครงการหมู่บ้านเก้าแสน 3 ต่อมาจำเลยทั้งสองร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ทำการปักเสาพาดสายไฟฟ้าและติดตั้งเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าหมายเลข บีบี 011975 ผ่านที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 1409 เพื่อจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยที่ 2ใช้กับอาคารเลขที่ 219 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองเลิกใช้เลิกจำหน่ายจ่ายแจกและรื้อถอนเสาไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์และเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าออกจากที่ดินของโจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการรื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนเองโดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายกับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 300,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ปักเสาพาดเสาไฟฟ้าตามที่โจทก์ฟ้องได้รับความยินยอมจากโจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ได้ขอติดตั้งเครื่องวัดไฟฟ้าต่อจำเลยที่ 1 ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ การดำเนินการติดตั้งเป็นอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 2จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนเสาและสายไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์กับเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าส่วนที่โจทก์มิได้ยินยอมออกจากที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 1409ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน50,000 บาท พร้อมคำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2532 โจทก์ได้ยื่นคำขอให้จำเลยที่ 1 ปักเสาพาดสายไฟฟ้าในที่ดินจัดสรรของโจทก์โฉนดเลขที่ 1408, 1409 และ 3959 ตามเอกสารหมาย จ.4 โดยให้จำเลยที่ 1 ออกแบบการปักเสาพาดสายไฟฟ้าจำเลยที่ 1 ได้ออกแบบและดำเนินการปักเสาพาดสายไฟฟ้าให้แก่โจทก์เรียบร้อยแล้ว จำเลยที่ 2 ได้ซื้อที่ดินจัดสรรดังกล่าวจากโจทก์จำนวน 1 แปลง ซึ่งอยู่ติดกับโรงงานอุตสาหกรรมของจำเลยที่ 2อาคารเลขที่ 219 ต่อมาวันที่ 21 เมษายน 2533 จำเลยที่ 2ได้ยื่นคำขอใช้ไฟฟ้าต่อจำเลยที่ 1 โดยรับรองว่าเสาที่จะปักเพิ่ม1 ต้น และการพาดสายไฟฟ้าอยู่ในที่ดินสาธารณะ จำเลยที่ 1ได้ดำเนินการปักเสาไฟฟ้า 1 ต้นริมถนนและพาดสายไฟฟ้าในที่ดินจัดสรรของโจทก์โฉนดเลขที่ 1409 ผ่านที่ดินที่จำเลยที่ 2 ซื้อจากโจทก์ไปยังโรงงานของจำเลยที่ 2 โดยติดตั้งเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าเลขที่ บีบี 011975 จำนวน 1 เครื่อง ที่เสาไฟฟ้าดังกล่าว
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ประการแรกในปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปตามความยินยอมของโจทก์ตามคำขอปักเสาพาดสายในที่ดินจัดสรรเอกสารหมาย จ.4ข้อ 9 หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ข้อ 9 วรรคแรก มีข้อความว่า”ข้าพเจ้าขอสัญญาว่าจะปฏิบัติตามข้อบังคับการใช้ไฟฟ้าและบริการของการไฟฟ้านครหลวง รวมทั้งที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมต่อไปทุกประการและข้าพเจ้าเข้าใจดีแล้วว่า เสาสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายนอกเครื่องวัดฯ เป็นสมบัติของการไฟฟ้านครหลวงและยินยอมให้การไฟฟ้านครหลวงเปลี่ยนแปลงต่อเติม เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้เพียงพอกับผู้ใช้ภายในและภายนอกที่ดินจัดสรรด้วย” เห็นว่าคำว่า “เปลี่ยนแปลงต่อเติม” ในข้อความดังกล่าวนั้นหมายความว่าเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมใหม่ หรือแปลงหรือต่อเติมจากของเดิมเพื่อให้สามารถจ่ายไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไม่ว่าในหรือนอกที่ดินจัดสรรของโจทก์ให้ได้เพียงพอตามที่จำเลยที่ 1 จะเห็นสมควรตามความจำเป็น หาได้หมายความว่าจะทำได้เฉพาะเสาและสายไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆภายนอกเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมให้มีขนาดที่จะจ่ายไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ให้เพียงพอเท่านั้นดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยไม่ส่วนข้อความในวรรคสองว่า “นอกจากนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงแบบหรือแผนผังการปักเสาพาดสายไปจากแบบแผนผังที่ข้าพเจ้ายื่นไว้ต่อการไฟฟ้านครหลวง ไม่ว่าจะเป็นด้วยกรณีใดก็ตามทำให้การไฟฟ้านครหลวงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ข้าพเจ้าขอให้สัญญาว่าจะรับผิดชอบชำระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนค่าเสียหายให้แก่การไฟฟ้านครหลวง โดยไม่มีข้อโต้แย้งแต่ประการใด” นั้นเป็นเรื่องที่โจทก์ตกลงยอมรับผิดที่จะชำระค่าใช้จ่ายและค่าเสียหายให้แก่จำเลยที่ 1 หากแบบหรือแผนผังที่โจทก์ยื่นขอไว้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไม่ได้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่อเติมเพื่อจ่ายไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ให้เพียงพอตามวรรคหนึ่งแต่อย่างใดฉะนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1 แม้จะฟังว่าปักเสาพาดเสาไฟฟ้าและติดตั้งเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าผ่านที่ดินของโจทก์ก็ถือว่าได้รับความยินยอมจากโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 9 แล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 1ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์แล้ว การกระทำของจำเลยที่ 2 ก็ย่อมไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ด้วย คดีนี้เป็นการฟ้องให้ชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้และเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยและพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วยมาตรา 247
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง