คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4460/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหายโดยใช้มีดขู่เข็ญว่าจะแทงประทุษร้าย อันเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย และการที่ผู้เสียหายต้องยอมให้จำเลย ถอดกระดุมเสื้อออก แสดงว่าผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278,322,365 โดยบรรยายฟ้องว่า วันเกิดเหตุเวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยได้บังอาจบุกรุกเข้าไปในเคหสถานที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ของนางสาว ส.ผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วบังอาจกระทำอนาจารผู้เสียหาย โดยใช้อาวุธมีดขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย และโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง ทั้งโจทก์ก็ได้ขอให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 ด้วย การที่โจทก์อ้างมาตรา 322 แทนที่จะเป็นมาตรา 362 จึงเป็นกรณีโจทก์อ้างบทมาตราผิดศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2537 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานที่อยู่อาศัยและเป็นอสังหาริมทรัพย์ของนางสาวสุภดี เหล่าพราหมณ์ ผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วกระทำอนาจารผู้เสียหายซึ่งมีอายุกว่า15 ปี โดยใช้มีดขู่เข็ญว่าจะแทงประทุษร้ายหากขัดขืนจนผู้เสียหายอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้และจำเลยได้ถอนเสื้อผ้าผู้เสียหายจนหลุดออกหมด การกระทำดังกล่าวเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุข ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 322, 365 ริบอาวุธของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายสถิต เหล่าพราหมณ์ บิดาผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 365(1)(2)(3) ประกอบด้วยมาตรา 362 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง มีคนร้ายเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำอนาจารผู้เสียหายซึ่งมีอายุกว่า 15 ปี มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น เห็นว่าพยานโจทก์และโจทก์ร่วมมีน้ำหนักน่าเชื่อ พยานจำเลยไม่มีน้ำหนักล้างพยานโจทก์และโจทก์ร่วมได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหายโดยใช้มีดขู่เข็ญว่าจะแทงประทุษร้ายอันเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย และการที่ผู้เสียหายต้องยอมให้จำเลยถอดกระดุมเสื้อออก แสดงว่าผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278
จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายว่า โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 322 และมาตรา 365 โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 322 ศาลลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 ไม่ได้ เห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า วันเกิดเหตุเวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยได้บังอาจบุกรุกเข้าไปในเคหสถานที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ของนางสาวสุภดี เหล่าพราหมณ์ ผู้เสียหาย โดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วบังอาจกระทำอนาจารผู้เสียหาย โดยใช้อาวุธมีดขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย และโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง ทั้งโจทก์ก็ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 ด้วย ที่โจทก์อ้างมาตรา 322 แทนที่จะเป็นมาตรา 362 จึงเป็นกรณีโจทก์อ้างบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า
พิพากษายืน

Share