คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2997/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ยี่ห้อสติลพร้อมบาร์และโซ่ ซึ่งจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้แปรรูปไม้หวงห้ามในคดีนี้ เป็นสินค้าที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักรมิได้ เว้นแต่สินค้าดังกล่าวได้บรรทุกในยานพาหนะเพื่อส่งจากต่างประเทศต้นทางมายังประเทศไทยก่อนวันที่ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 91พ.ศ. 2521 ใช้บังคับ หรือได้รับหนังสืออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้น เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้นำสืบให้เห็นว่าเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ พร้อมอุปกรณ์ของกลางในคดีนี้ เป็นสินค้าที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยถูกต้องเช่นนี้ก็ต้องฟังว่าเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมอุปกรณ์ของกลางเป็นสินค้าต้องห้ามตามกฎหมาย เพราะมีประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 91 พ.ศ. 2521 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วกำหนดไว้อย่างชัดเจนโจทก์จึงไม่จำต้องนำสืบอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 4, 7, 47, 48, 73, 74 ทวิ, 74 จัตวา, 75 พระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 2, 27 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง, 73 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยที่ 2 อายุ 16 ปีลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้ จำเลยที่ 1 จำคุก 6 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 3 เดือนฐานแปรรูปไม้หวงห้ามภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ฐานมีไม้แปรรูปหวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานช่วยซ่อนเร้น หรือรับไว้โดยประการใด ๆ ซึ่งของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม หรือข้อจำกัดตามกฎหมายศุลกากร รวม 3 กระทง จำเลยที่ 1จำคุกกระทงละ 4 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวมโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 1 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 2 จำคุก 9 เดือนริบของกลาง เนื่องจากศาลไม่ลงโทษปรับจำเลยทั้งสอง จึงให้ยกคำขอเรื่องสินบนนำจับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องในความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาและจำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกับพวกตั้งโรงงานแปรรูปไม้แปรรูปไม้หวงห้ามภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และมีไม้แปรรูปหวงห้ามไว้ในครอบครองและสำหรับความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น หรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อห้าม หรือข้อจำกัด ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2464มาตรา 27 ทวิ เห็นว่า เครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ยี่ห้อสติล หมายเลขเครื่อง 120210558 พร้อมบาร์และโซ่ ซึ่งจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้แปรรูปไม้หวงห้ามในคดีนี้เป็นสินค้าที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักรมิได้ เว้นแต่สินค้าดังกล่าวได้บรรทุกในยานพาหนะเพื่อส่งจากต่างประเทศต้นทางมายังประเทศไทยก่อนวันที่ประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับที่ 91 พ.ศ. 2521 ใช้บังคับ หรือได้รับหนังสืออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้น เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้นำสืบให้เห็นว่าเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมอุปกรณ์ของกลางในคดีนี้ เป็นสินค้าที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยถูกต้องเช่นนี้ก็ต้องฟังว่าเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมอุปกรณ์ของกลางเป็นสินค้าต้องห้ามตามกฎหมาย เพราะมีประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 91พ.ศ. 2521 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วกำหนดไว้อย่างชัดเจนโจทก์จึงไม่จำต้องนำสืบอีกส่วนในข้อที่ว่าเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมอุปกรณ์ของกลางอยู่ในสภาพเก่า และจำเลยทั้งสองเป็นเพียงลูกจ้างทำไม้ของบุคคลอื่นซึ่งหลบหนี้ไปนั้น หาใช่เป็นเหตุที่จะทำให้จำเลยทั้งสองพ้นผิดไปไม่ จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย และรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมอุปกรณ์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อห้าม หรือข้อจำกัดตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ ด้วย ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองทีว่าจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเพราะถูกเจ้าพนักงานป่าไม้บังคับ เป็นข้ออ้างที่ไม่น่าเชื่อถือ และข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองเป็นพิรุธไม้มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ คดีฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องในความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share