คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การส่งสิ่งพิมพ์ในช่วงบ่าย โจทก์จะเป็นผู้ไปเบิกสิ่งพิมพ์และจำเลยจะลงรายการเบิกหนังสือพร้อมราคาหนังสือที่เบิกไว้โดยคิดค่าสิ่งพิมพ์จากโจทก์ราคา 70 เปอร์เซ็นต์ของราคาปก จากนั้นโจทก์มีหน้าที่เก็บค่าสิ่งพิมพ์และนำเงินไปหักลดยอดหนี้ค่าสิ่งพิมพ์กับจำเลย ทั้งการไปรับสิ่งพิมพ์ในช่วงบ่าย โจทก์จะไปรับหรือไม่ก็ได้ ไม่มีการลงเวลาทำงาน หากไม่ไปรับก็ไม่ถือว่าเป็นการขาดงานดังนี้ลักษณะงานในช่วงดังกล่าวจึงเป็นงานพิเศษที่โจทก์และจำเลยตกลงต่อกันนอกเหนือหน้าที่การงานตามปกติที่โจทก์ทำให้แก่จำเลย ถือไม่ได้ว่าโจทก์และจำเลยมีความผูกพันต่อกันในฐานะนายจ้างลูกจ้างในงานดังกล่าวนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2536 จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้าง ทำหน้าที่สายวางร้านได้รับค่าจ้างครั่งสุดท้ายเดือนละ 5,700 บาท (เงินเดือน 4,200 บาท และค่าน้ำมันรถเดือนละ1,500 บาท) กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน ระหว่างทำงานกับจำเลย จำเลยค้างจ่ายค่าจ้างโจทก์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2538 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2539 จำนวน 5 เดือน เป็นเงิน 28,500 บาทโจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยไม่ยอมจ่าย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างจำนวน 28,500 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยทำงานในตำแหน่งพนักงานส่งหนังสือพิมพ์ให้แก่สมาชิก จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว เงินตามที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่ค่าจ้าง แต่เป็นการจ่ายเนื่องจากโจทก์ขอซื้อหนังสือพิมพ์จากจำเลยไปจำหน่ายโดยมีเงื่อนไขว่าโจทก์จะต้องซื้อหนังสือบางเล่มของจำเลยไปขายให้ร้านขายหนังสือทั่วไปด้วย เงินค่าตอบแทนตามฟ้องมีลักษณะเป็นค่าจ้างทำของหรือค่าตอบแทนพิเศษ และไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลแรงงานขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าเมื่อสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยยังมีผลผูกพันกันตามกฎหมายโดยจำเลยมิได้บอกเลิกสัญญาจ้าง จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างช่วงบ่ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2538 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2539 รวม5 เดือน เป็นเงิน 28,500 บาท แก่โจทก์นั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางว่า การส่งสิ่งพิมพ์ในช่วงบ่าย โจทก์จะเป็นผู้ไปเบิกสิ่งพิมพ์และจำเลยจะลงรายการเบิกหนังสือพร้อมราคาหนังสือที่เบิกไว้โดยคิดค่าสิ่งพิมพ์จากโจทก์ราคา 70 เปอร์เซ็นต์ของราคาปก จากนั้นโจทก์มีหน้าที่เก็บค่าสิ่งพิมพ์และนำเงินไปหักลดยอดหนี้ค่าสิ่งพิมพ์กับจำเลยทั้งการไปรับสิ่งพิมพ์ในช่วงบ่าย โจทก์จะไปรับหรือไม่ก็ได้ไม่มีการลงเวลาทำงาน หากไม่ไปรับก็ไม่ถือว่าเป็นการขาดงานดังนี้ลักษณะงานในช่วงดังกล่าวจึงเป็นงานพิเศษที่โจทก์และจำเลยตกลงต่อกันนอกเหนือหน้าที่การงานตามปกติที่โจทก์ทำให้แก่จำเลยถือไม่ได้ว่าโจทก์และจำเลยมีความผูกพันต่อกันในฐานะนายจ้างลูกจ้างในงานดังกล่าวนี้ ฉะนั้น การที่จำเลยมีคำสั่งไม่ให้โจทก์เบิกสิ่งพิมพ์ในช่วงบ่ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2538 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าตอบแทนจากการรับสิ่งพิมพ์ไปจำหน่ายได้
พิพากษายืน

Share