คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9509/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล โจทก์ย่อมมีสิทธิและหน้าที่ในเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1719 การที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยการครอบครองปรปักษ์ซึ่งที่ดินมรดกของผู้ตาย จำเลยทั้งสองก็ไม่อาจกระทำการขัดขวางสิทธิหน้าที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกในอันที่จะเรียก น.ส.3 สำหรับที่ดินมรดกของผู้ตาย เพื่อจัดการมรดกหรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกตามอำนาจกฎหมายได้ ทั้งกรณีไม่อยู่ในอายุความมรดกจำเลยทั้งสองจึงไม่มีอำนาจยึดเอกสาร น.ส.3 สำหรับที่ดินมรดกไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยทั้งสองเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายอ้น บุญชัย กับนางฉิม บุญชัย โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายอ้นตามคำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 349/2536นายอ้นมีทรัพย์มรดกเป็นที่ดิน 2 แปลง ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก. เลขที่ 721 และ น.ส.3 เลขที่ 146แต่เอกสารที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสอง ประมาณเดือนมกราคม 2537 โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายอ้นได้ทวงถามให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารที่ดินทั้งสองแปลงเพื่อนำที่ดินดังกล่าวไปแบ่งปันให้แก่ทายาทแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์และจำเลยทั้งสองเป็นบุตรของนายอ้น บุญชัย ในขณะที่นายอ้นตายมีที่ดินพิพาท 2 แปลงแต่หลังจากที่นายอ้นถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยทั้งสองได้ครอบครองทำประโยชน์ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นสัดส่วนโดยสงบเปิดเผยและเจตนาเป็นเจ้าของจำเลยทั้งสองได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาททั้งสองแปลงตามสัดส่วนการครอบครองทำประโยชน์นับแต่วันที่27 กรกฎาคม 2532 เนื่องจากทายาทอื่นของนายอ้นมิได้โต้แย้งการครอบครองหรือใช้สิทธิเรียกร้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่26 กรกฎาคม 2531 ซึ่งเป็นวันที่นายอ้นถึงแก่ความตาย ดังนั้นโจทก์จะใช้สิทธิผู้จัดการมรดกเรียกร้องให้แบ่งมรดกหลังจากคดีขาดอายุความไปแล้วไม่ได้ และโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้จำเลยทั้งสองส่งเอกสารที่พิพาททั้งสองแปลงแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งสองฉบับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์จำเลยทั้งสองเป็นบุตรนายอ้น บุญชัย ปี 2531นายอ้นตาย มีทรัพย์สินที่ดินสองแปลงตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์น.ส.3 ก. เลขที่ 721 และ น.ส.3 เลขที่ 146 ปี 2536 โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกนายอ้น ตามคำสั่งศาลคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 349/2536ของศาลชั้นต้น คดีมีปัญหาว่า โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสองส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินทั้งสองแปลงให้โจทก์หรือไม่ โดยจำเลยทั้งสองฎีกาว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินเป็นทรัพย์สินตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 138 ทายาทจะต้องเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกภายในเวลา 1 ปีหลังจากนายอ้น บุญชัย เจ้ามรดกตายเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2531ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 คดีนี้โจทก์ขอจัดการมรดกปี 2536 และใช้สิทธิเรียกร้องหลังนายอ้นตาย3 ปีเศษ และจำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินพิพาทโดยสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของได้สิทธิเป็นเจ้าของแล้วคดีโจทก์ขาดอายุความเรียกร้องแล้ว โจทก์ไม่อาจฟ้องขอก่อตั้งสิทธิเรียกร้องหลังขาดอายุความได้ ปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเห็นว่า เมื่อฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลโจทก์ย่อมมีสิทธิและหน้าที่ในเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรม และเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป หรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก” การที่ผู้จัดการมรดกจะทราบว่าทรัพย์สินใดเป็นมรดกของผู้ตายหรือไม่ จะอาศัยเพียงคำบอกเล่าโดยปราศจากหลักฐานนั้นไม่ถูกต้อง ในคดีนี้ที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยการครอบครองปรปักษ์ซึ่งที่ดินมรดกนายอ้นผู้ตายทั้งสองแปลงนั้นยังมีข้อโต้เถียงระหว่างทายาทด้วยกัน ดังคำพยานโจทก์และไม่ใช่ประเด็นในคดีนี้จำเลยทั้งสองไม่อาจกระทำการขัดขวางสิทธิหน้าที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกในอันที่จะเรียกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินมรดกของผู้ตายทั้งเป็นทรัพย์สินมรดกส่วนหนึ่งเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไปหรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกตามอำนาจกฎหมายดังกล่าวได้กรณีไม่อยู่ในอายุความมรดกจำเลยทั้งสองไม่มีอำนาจยึดเอกสารน.ส.3 ไว้ ในกรณีเช่นนี้หากจำเลยทั้งสองมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับที่ดินพิพาทก็สามารถกระทำได้ภายในขอบเขตกฎหมาย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้จำเลยทั้งสองส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งสองฉบับตามฟ้องให้โจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share