คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9245/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาริบรถยนต์ของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ถือได้ว่าผู้ร้องมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่บังคับให้เจ้าของทรัพย์สินยื่นคำร้องขอเข้าในคดีก่อนศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30 วรรคสอง แม้พนักงานเจ้าหน้าที่จะมิได้ประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันในท้องถิ่นแต่ได้ประกาศในหนังสือพิมพ์ “ข่าวสด” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่ออกในส่วนกลางที่ส่งไปจำหน่ายทั่วไปในราชอาณาจักร อันเป็นการประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันที่มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องถิ่นสองวันติดต่อกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ถือได้ว่าผู้ร้องได้ทราบประกาศแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องหลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนคำนวณเป็นเฮโรอีนบริสุทธิ์น้ำหนัก 39.5 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2538 ว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30, 31 จำคุก 12 ปี 6 เดือนริบรถยนต์หมายเลขทะเบียน ค-9062 เชียงใหม่ ของกลางโดยให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
วันที่ 29 สิงหาคม 2538 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่เกี่ยวกับรถยนต์ของกลางอ้างว่า รถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องผู้ร้องไม่ได้เกี่ยวข้องรู้เห็นในการกระทำความผิดของจำเลยผู้ร้องไม่ทราบว่าจำเลยถูกฟ้องและไม่มีเหตุอันควรรู้ว่าพนักงานอัยการฟ้องและขอให้ริบรถยนต์ของกลาง จึงไม่อาจยื่นคำร้องเข้าดำเนินคดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้ ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เฉพาะเรื่องริบของกลาง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2538 พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้รถยนต์ของกลางตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ต่อมาผู้อำนวยการกองตรวจสอบทรัพย์สินคดียาเสพติด ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 ได้ประกาศในหนังสือพิมพ์ “ข่าวสด” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันประจำวันที่26 และ 27 เมษายน 2538 ติดต่อกันรวม 2 วัน เพื่อประกาศให้ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินของกลางยื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30
ปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกามีว่า ผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ในส่วนที่สั่งริบรถยนต์ของกลางได้หรือไม่นั้นศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาริบรถยนต์ของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เมื่อวันที่4 สิงหาคม 2538 ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2538 หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วถือได้ว่า ผู้ร้องมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่บังคับให้เจ้าของทรัพย์สินยื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30 วรรคสอง แม้พนักงานเจ้าหน้าที่จะมิได้ประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันในท้องถิ่นแต่ก็ปรากฏว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประกาศในหนังสือพิมพ์”ข่าวสด” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่ออกในส่วนกลาง ที่ส่งไปจำหน่ายทั่วไปในราชอาณาจักร อันเป็นการประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันที่มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องถิ่นสองวันติดต่อกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ถือได้ว่า ผู้ร้องได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วศาลล่างทั้งสองไม่รับคำร้องขอของผู้ร้องไว้ไต่สวนชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share