แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปีให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยมีกำหนด 1 เดือนและไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งที่จำเลยฎีกาว่า รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดขอให้มีคำสั่งคืนรถจักรยานยนต์ของกลางนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้ฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้วยความเร็วสูงและน่าหวาดเสียวโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นที่ร่วมใช้ทางจราจร และจำเลยได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวแข่งกับพวกที่หลบหนีไปในถนนพระรามที่ 2 ซึ่งเป็นทางตามกฎหมายจราจรทางบก ทำให้ประชาชนผู้ใช้ทางร่วมกับจำเลยได้รับความเดือดร้อนรำคาญอย่างมาก โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมรถจักรยานยนต์เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(8), 134, 160 วรรคสาม, 160 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 ริบรถจักรยานยนต์ของกลางและสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ของจำเลย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(8), 134, 160 วรรคสาม, 160 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 จำเลยอายุไม่เกิน 17 ปี(อายุ 16 ปี) ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 35 ลงโทษจำคุกกระทงละ 30 วัน ปรับกระทงละ 1,000 บาทรวมสองกระทงจำคุก 2 เดือน และปรับ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือนปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 และให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยมีกำหนด 1 เดือนคำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง โดยอัยการพิเศษประจำเขต 7 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยมีกำหนด 1 เดือนและไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เฉพาะให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดขอให้มีคำสั่งคืนรถจักรยานยนต์ของกลางนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทมาตราดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย