แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง แม้จำเลยมีอายุ17 ปีเศษ และถ้าศาลเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ก็ยังคงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลยเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานแล้วให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษา โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นคงแต่อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงโทษจำเลยในสถานหนักเท่านั้น ถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6 (7 ทวิ) 7,13 ทวิ 62, 89, 106, 106 ทวิ 116 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 91 และริบของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6 (7 ทวิ) 7,13 ทวิ (ที่ถูก 13 ทวิ วรรคหนึ่ง) 62 (ที่ถูก 62 วรรคหนึ่ง) 89,106 (ที่ถูก 106 วรรคหนึ่ง) 106 ทวิ 116 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 91 เมื่อได้คำนึงถึงอายุ ประวัติความประพฤติ สติปัญญาการศึกษาอบรม สุขภาพ นิสัย อาชีพ สิ่งแวดล้อมทั้งสภาพของความผิดรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาประกอบคำแถลงของผู้ปกครองจำเลยแล้วปรากฏว่าขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุ 17 ปีเศษจำเลยเพิ่งกระทำผิดเป็นครั้งแรก ผู้ปกครองจำเลยยังห่วงใยเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นคนดี อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 กับอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวมาตรา 106 ให้รอการกำหนดโทษจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี และริบของกลางให้คุมความประพฤติของจำเลยมีกำหนด 2 ปี โดยวางเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติดังนี้
(1) ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง
(2) ระหว่างคุมประพฤติห้ามจำเลยเกี่ยวข้องยาเสพติดและสิ่งมึนเมาทุกชนิด ห้ามคบสมาคมกับบุคคลความประพฤติไม่ดีห้ามเที่ยวเตร่ยามวิกาลและห้ามเล่นการพนัน
(3) ให้จำเลยเข้าศึกษาต่อและให้จำเลยตั้งใจศึกษาโดยให้นำหลักฐานการเข้าศึกษาหรือหลักฐานการติดต่อเพื่อเข้าศึกษาและผลการศึกษามาแสดงต่อพนักงานคุมประพฤติทุกครั้งที่มารายงานตัวด้วยและให้ทำงานเป็นกิจจะลักษณะ
(4) ให้จำเลยทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 20 ชั่วโมง หรือเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อการศึกษาอบรมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วันตามที่ศาลและพนักงานคุมประพฤติจะกำหนดต่อไป
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในสถานหนัก
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และจำเลยอายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แล้ว ฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2ไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนดจำคุก 2 ปี 6 เดือนฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 5 ปีจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เป็นจำคุก2 ปี 6 เดือน เพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของจำเลยให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกและอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนดเวลาขั้นต่ำ 1 ปี ขั้นสูง 1 ปี 6 เดือนตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 104, 105 ยังไม่ต้องคุมประพฤติในชั้นนี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อขายเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดและขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 6 (7 ทวิ), 13 ทวิ 62, 89, 106,106 ทวิ ซึ่งความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อขายฯ และขายเมทแอมเฟตามีนมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท จึงเป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรคหนึ่ง แม้จำเลยมีอายุ 17 ปีเศษ และถ้าศาลเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ก็ตาม ก็ยังคงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลยเมื่อปรากฏว่าจำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานแล้วให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาและต่อมาได้อ่านคำพิพากษาให้โจทก์จำเลยฟัง โจทก์ก็มิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์ คงเพียงแต่อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงโทษจำเลยในสถานหนักเท่านั้น ถือได้ว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำความผิดดังกล่าวจริงเช่นนี้ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อขายฯ และขายเมทแอมเฟตามีน และศาลอุทธรณ์ภาค 2ก็ยังคงพิพากษาลงโทษจำเลยจึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 แต่อย่างไรก็ดี สำหรับความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อขายฯ เมทแอมเฟตามีนตามฟ้องโจทก์นั้นย่อมรวมถึงความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งเมทแอมเฟตามีนโดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทมาตรา 62 วรรคหนึ่ง และมาตรา 106 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทและโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำความผิดของจำเลยและอ้างบทมาตราที่ขอให้ลงโทษมาในฟ้องแล้วซึ่งศาลล่างทั้งสองก็ปรับบทลงโทษจำเลยทั้งสองมาด้วย ความผิดฐานนี้เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานต่อไปก็ได้ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้
สำหรับปัญหาตามฎีกาจำเลยที่ขอให้รอการกำหนดโทษและคุมความประพฤติของจำเลยนั้น ปรากฏตามหนังสือของผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาฉบับลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2538 ว่า หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว การคุมความประพฤติไม่ได้ผล เพราะจำเลยละเมิดเงื่อนไขคุมความประพฤติตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดโดยมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ยาม้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับอีก ที่จำเลยอ้างว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือสิ่งมึนเมาใด ๆ อีก จึงไม่อาจรับฟังได้พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวการรอกำหนดโทษและคุมความประพฤติของจำเลยน่าจะไม่มีผลในการที่จะให้จำเลยกลับตัวกลับใจได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกและอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อขายฯ และขายเมทแอมเฟตามีนตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท มาตรา 6 (7 ทวิ) 13 ทวิ วรรคหนึ่ง62 วรรคหนึ่ง 89, 106 ทวิ คงลงโทษจำเลยฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งเมทแอมเฟตามีนตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทมาตรา 62 วรรคหนึ่ง 106 วรรคหนึ่ง ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76 แล้วจำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เป็นจำคุก 3 เดือน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปควบคุมและฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางจนกว่าจำเลยจะมีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ. 2534 มาตรา 104, 105 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2