คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4359/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ที่ดินที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านที่ 9ได้ขายทอดตลาดไปเป็นของจำเลยที่ 2 แต่เพียงผู้เดียวถึงแม้ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 เป็นลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษาในคดีอื่น ก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 ต่างต้องผูกพันที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีนั้น ดังนั้นการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยคนใดคนหนึ่งจึงไม่เกี่ยวข้องแก่ลูกหนี้คนอื่นที่มิได้ถูกบังคับคดีด้วย ย่อมไม่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 146

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามล้มละลายเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2523 ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 และที่ 2 เด็ดขาดเมื่อวันที่29 เมษายน 2524 พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ล้มละลายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2524 ชั้นรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้โอนทรัพย์สินของจำเลยที่ 2ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ 12250/2521ของศาลแพ่ง เข้ามาไว้ในคดีนี้ ครั้นวันที่ 24 ธันวาคม 2535ผู้คัดค้านที่ 9 ได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2ซึ่งได้โอนการยึดมาไว้ในคดีนี้ไปรวม 3 รายการคือรายการแรก ที่ดินโฉนดเลขที่ 5019 ในราคา 1,600,000 บาทรายการที่สอง ที่ดินโฉนดเลขที่ 1115 พร้อมสิ่งปลูกสร้างในราคา 3,000,000 บาท และรายการที่สามที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 62 ในราคา 60,000 บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของจำเลยที่ 3 และเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 3ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 205/2526 ของศาลชั้นต้น โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นลูกหนี้ร่วมด้วย และใสคดีหมายเลขแดงที่12250/2521 ของศาลแพ่งและจำเลยที่ 2 กับผู้ร้องยังค้ำประกันหนี้สินร่วมกันต่อธนาคารกรุงไทย จำกัดซึ่งเป็นเจ้าหนี้อีกรายหนึ่ง โดยจำนองที่ดินจำนวน 6 แปลงเป็นประกัน หากทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ได้ขายทอดตลาดและชำระหนี้ครบถ้วน ผู้ร้องก็ไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2535 ผู้คัดค้านที่ 9 ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลชั้นต้น ได้ขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 2 ไปรวม 3 รายการ โดยปลอดการจำนอง คือรายการแรก ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 5019 ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1ถึงที่ 7 ในราคา 1,600,000 บาทรายการที่สองที่ดินตามโฉนดเลขที่ 1115 พร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้คัดค้านที่ 8 ในราคา 3,000,000 บาท และรายการที่สาม ที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 62 ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 7ไปในราคา60,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาประเมินปานกลางโดยที่ดินรายการแรกมีราคาประเมินตารางวาละ 8,000 บาททั้งแปลงราคา 3,200,000 บาท ที่ดินรายการที่สองมีราคาประเมินตารางวาละ 8,000 บาท ทั้งแปลงราคา 12,000,000 บาทและที่ดินรายการที่สามมีราคาประเมินตารางวาละ 2,000 บาททั้งแปลงราคา 200,000 บาท ที่ดินทั้งสามรายการยังมีราคาซื้อขายในท้องตลาดสูงกว่าราคาที่ขายไปมากการขายทอดตลาดจึงไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
ผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 7 ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 1ถึงที่ 7 ได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 5019 และที่ดินตาม น.ส.3เลขที่ 62 จากการขายทอดตลาดในราคาสูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ ผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการขายเพราะทรัพย์ที่ขายเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 ผู้ร้องมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์และไม่ได้ถูกฟ้องในคดีนี้ ผู้ร้องไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย ขอให้ยกคำร้อง
ผู้คัดค้านที่ 8 ยื่นคำคัดค้านว่า การขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 1115 ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 8 ซึ่งให้ราคาสูงสุดเป็นไปโดยชอบแล้ว ผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์ที่ขายทอดตลาดไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง ขอให้ยกคำร้อง
ผู้คัดค้านที่ 9 ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินที่ขายทอดตลาดเป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 มิใช่ของผู้ร้อง และผู้ร้องก็มิได้ถูกฟ้องร้องบังคับให้ชำระหนี้ ผู้ร้องเป็นบุคคลนอกคดีไม่ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาข้อแรกของผู้ร้องว่า ผู้ร้องได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของผู้คัดค้านที่ 9 ที่ได้ขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 2 ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 7 และที่ 8 หรือไม่เห็นว่า ที่ดินทั้งสามรายการที่ผู้คัดค้านที่ 9 ได้ขายทอดตลาดไปนั้น เป็นของจำเลยที่ 2 แต่เพียงผู้เดียว ถึงแม้ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 เป็นลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษาซึ่งต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันตามคดีหมายเลขแดงที่ 12250/2521 ของศาลแพ่งและคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 205/2526 ของศาลชั้นต้น ก็ตามก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 ต่างต้องผูกพันที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีนั้น ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกให้ชำระหนี้จากจำเลยคนใดคนหนึ่งทั้งหมดโดยสิ้นเชิงได้ ดังนั้นการบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยคนใดคนหนึ่งจึงไม่เกี่ยวข้องแก่ลูกหนี้คนอื่นที่มิได้ถูกบังคับคดีด้วย เหตุนี้การที่ผู้คัดค้านที่ 9ได้ขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 2 ไปในการรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 เพื่อแบ่งเฉลี่ยให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายในคดีนี้จึงไม่ทำให้ผู้ร้องซึ่งอยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ต้องได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของผู้คัดค้านที่ 9 ที่ได้ขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 2 ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 7 และที่ 8 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 146 ได้ เมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้ว ฎีกาข้ออื่นของผู้ร้องจึงไม่จำต้องวินิจฉัย”
พิพากษายืน

Share