คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีก่อนว่าผู้เยาว์เป็นบุตรของจำเลย จำเลยในฐานะบิดาจึงมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1564 วรรคหนึ่ง โจทก์ในฐานะมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมมีสิทธิฟ้องคดีนี้เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากจำเลยแทนบุตรผู้เยาว์โดยคิดย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดว่าผู้เยาว์เป็นบุตรของจำเลยเพื่อแบ่งส่วนความรับผิดในฐานะที่เป็นลูกหนี้ร่วมกันได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของนายปัตถพงศ์ นนทธรรม บุตรผู้เยาว์ ขณะนี้อายุ 19 ปี จำเลยเป็นบิดาของนายปัตถพงศ์ โดยจดทะเบียนรับรองบุตรตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดลำพูน คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 78/2516เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2516 นายปัตถพงศ์จึงเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลย จำเลยจึงมีหน้าที่ให้ความอุปการะเลี้ยงดูนายปัตถพงศ์ผู้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงมีหน้าที่ให้ความอุปการะเลี้ยงดูนายปัตถพงศ์นับตั้งแต่นั้นจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ แต่กลับปรากฏว่านับตั้งแต่วันจดทะเบียนรับรองบุตรเป็นต้นมา จำเลยไม่เคยให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูนายปัตถพงศ์เลยโจทก์ผู้เป็นมารดาต้องเลี้ยงดูตลอดมา นับเป็นภาระอันหนักเพราะโจทก์ตกอยู่ในภาวะยากจน ทั้งที่จำเลยมีรายได้สูงแต่จำเลยปฏิเสธไม่ให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูตลอดมา โจทก์จึงจำเป็นฟ้องคดีเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูย้อนหลังในเวลา 10 ปี ให้แก่นายปัตถพงศ์โดยขอค่าอุปการะเลี้ยงดูคิดเฉลี่ยเป็นรายเดือนเดือนละ 2,500 บาทระยะเวลา 10 ปี ก่อนถึงวันบรรลุนิติภาวะรวมเป็นเงิน 300,000 บาทขอบังคับจำเลยให้ใช้เงิน 300,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้เป็นบิดาของนายปัตถพงศ์ดังนั้นจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องให้ความอุปการะเลี้ยงดูนายปัตถพงศ์อีกทั้งนายปัตถพงศ์ก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่อายุเกือบ 20 ปีใกล้บรรลุนิติภาวะแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 10,000 บาทให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าอุปกรณ์เลี้ยงดูนายปัตถพงศ์ นนทธรรม เป็นเงิน 120,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในจำนวนเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า โจทก์ฟ้องคดีก่อนนายปัตถพงศ์บรรลุนิติภาวะเพียงหนึ่งวันไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูย้อนหลัง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/39 เห็นว่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2516 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านายปัตถพงศ์ผู้เยาว์เป็นบุตรของจำเลยซึ่งคดีถึงที่สุดโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกา จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1564 วรรคหนึ่ง โจทก์ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากจำเลยแทนบุตรผู้เยาว์ได้นับแต่วันที่มีคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดว่าผู้เยาว์เป็นบุตรของจำเลยเพื่อแบ่งส่วนความรับผิดในฐานะที่เป็นลูกหนี้ร่วมกันได้ส่วนกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/39เป็นเรื่องรายได้หรือฐานะของคู่กรณีเปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอำนาจสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งเกี่ยวกับค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ไม่เกี่ยวกับคดีนี้ เพราะคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากจำเลย”
พิพากษายืน

Share