แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์และจำเลยในคดีนี้กับ ป. เคยถูก ช.ฟ้องให้ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากรถยนต์แท็กซี่ของจำเลยซึ่งขับโดย ป. ชนรถยนต์ของ ช. เสียหายคดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ ป. และโจทก์ร่วมกันชำระเงินแก่ ช. ส่วนจำเลยศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้นำรถยนต์แท็กซี่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหกรณ์โจทก์เพื่อประโยชน์ร่วมกันแม้โจทก์กับจำเลยคดีนี้จะเป็นจำเลยด้วยกันก็ตามก็ต้องถือว่าโจทก์และจำเลยเป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลในคดีก่อนด้วย คำพิพากษาในคดีก่อนจึงมีผลผูกพันโจทก์และจำเลย คดีนี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นสมาชิกของโจทก์และได้นำรถยนต์แท็กซี่หมายเลขทะเบียน 1ท-3546 กรุงเทพมหานคร เข้าร่วมกับโจทก์ วันที่16 กันยายน 2526 นายประสาตร์ ช้างสาร ขับรถยนต์แท็กซี่คันดังกล่าวชนรถยนต์หมายเลขทะเบียน 1ค-1819 กรุงเทพมหานคร ของนายชูทิตย์ปานปรีชา ได้รับความเสียหาย นายชูทิตย์เป็นโจทก์ฟ้องนายประสาตร์กับจำเลยและโจทก์ต่อศาลชั้นต้น คดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาให้นายประสาตร์และโจทก์ร่วมกันชำระเงิน54,407 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่นายชูทิตย์โจทก์ถูกบังคับคดีให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเงิน 87,524 บาทต่อมาวันที่ 10 มกราคม 2533 จำเลยได้ทำคำร้องขอลาออกจากการเป็นสมาชิกของโจทก์ ซึ่งมีข้อความว่า ในระหว่างที่จำเลยเป็นสมาชิกของโจทก์ จำเลยหรือบุคคลที่จำเลยมอบหมายไม่เคยนำรถยนต์หมายเลขทะเบียน 1ท-3546 กรุงเทพมหานคร ที่เข้าร่วมกับโจทก์ตามสัญญารถร่วมไปกระทำละเมิดต่อบุคคลอื่นเสียหายจนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องร่วมรับผิดในความเสียหายนั้น และหากจำเลยหรือบุคคลที่จำเลยมอบหมายให้ขับรถคันดังกล่าวได้กระทำละเมิดต่อบุคคลอื่นในขณะที่จำเลยยังเป็นสมาชิกของโจทก์ ทำให้โจทก์ต้องร่วมรับผิดและโจทก์มาทราบผลละเมิดภายหลังจากที่จำเลยลาออกจากการเป็นสมาชิกโจทก์แล้ว จำเลยขอรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อโจทก์ทั้งสิ้น จำเลยขอสละข้อต่อสู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั้งหมดที่จะนำมาต่อสู้กับโจทก์ในกรณีที่โจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเรียกเงินค่าเสียหายดังกล่าวตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 95,182.36 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 87,524 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยเคยเป็นสมาชิกของโจทก์แล้วลาออกจากการเป็นสมาชิก การลาออกต้องใช้ใบคำร้องเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 อันเป็นแบบฟอร์มของโจทก์ จำเลยได้ลงลายมือชื่อโดยไม่ได้กรอกข้อความพนักงานของโจทก์จะเป็นผู้กรอกรายละเอียด จะถือว่าจำเลยตกลงเรื่องการรับผิดตามใบคำร้องนั้นไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 95,182.36 บาทแก่โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของจำนวนต้นเงิน87,524 บาท ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนถึงวันที่ได้ชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยในข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยต้องรับผิดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2(เอกสารหมาย จ.4) หรือไม่ เห็นว่า โจทก์และจำเลยในคดีนี้กับนายประสาตร์ ช้างสาร เคยถูกนายชูทิตย์ ปานปรีชาฟ้องเป็นจำเลยให้ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากรถยนต์แท็กซี่หมายเลขทะเบียน 1ท-3546 กรุงเทพมหานคร ของจำเลยซึ่งขับโดยนายประสาตร์ชนรถยนต์หมายเลขทะเบียน 1ค-1819กรุงเทพมหานคร ของนายชูทิตย์เสียหาย คดีถึงที่สุดตามคดีหมายเลขแดงที่ 6963/2528 ของศาลชั้นต้นโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาให้นายประสาตร์และโจทก์ร่วมกันชำระเงิน 54,407 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่นายชูทิตย์ ส่วนจำเลยศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้นำรถยนต์แท็กซี่พิพาทเข้าร่วมเป็นสมาชิกของโจทก์เพื่อประโยชน์ร่วมกัน แม้โจทก์กับจำเลยคดีนี้จะเป็นจำเลยด้วยกันก็ตาม ก็ต้องถือว่าโจทก์และจำเลยเป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลในคดีก่อนด้วย คำพิพากษาในคดีก่อนจึงมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยคดีนี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าจำเลยไม่ได้นำรถยนต์แท็กซี่พิพาทเข้าร่วมเป็นสมาชิกของโจทก์เพื่อประโยชน์ร่วมกัน แม้ในแบบพิมพ์คำร้องขอลาออกจากการเป็นสมาชิกของโจทก์เอกสารหมาย จ.4 ซึ่งจำเลยลงชื่อจะมีข้อความว่า หากจำเลยหรือบุคคลที่จำเลยมอบหมายให้ขับรถยนต์แท็กซี่คันพิพาทได้กระทำละเมิดต่อบุคคลอื่น ทำให้โจทก์ต้องร่วมรับผิด และทางโจทก์มาทราบผลละเมิดภายหลังที่จำเลยได้ลาออกจากการเป็นสมาชิก จำเลยขอรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อโจทก์ทั้งสิ้น และขอสละข้อต่อสู้ต่าง ๆทั้งหมดในการที่โจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเรียกค่าเสียหายก็ตาม เงื่อนไขตามเอกสารดังกล่าวจะต้องเป็นกรณีละเมิดที่เกิดในระหว่างที่จำเลยเป็นสมาชิกและนำรถยนต์แท็กซี่พิพาทเข้าวิ่งร่วมกับโจทก์ตามสัญญารถร่วมด้วย เมื่อฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 6963/2528 ของศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดและผูกพันโจทก์และจำเลยว่าจำเลยไม่ได้นำรถยนต์แท็กซี่พิพาทเข้าร่วมเป็นสมาชิกของโจทก์เพื่อประโยชน์ร่วมกันและจำเลยไม่ต้องรับผิดร่วมกับโจทก์แล้ว โจทก์จะมาฟ้องไล่เบี้ยเอาจากจำเลยตามเอกสารหมาย จ.4 หาได้ไม่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน