คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6333/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคหนึ่ง ก่อนจำเลยยื่นคำให้การโจทก์มีสิทธิถอนคำฟ้องได้โดยยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือต่อศาล และศาลไม่จำต้องฟังหรือสอบถามจำเลยก่อนดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องตามคำบอกกล่าวจึงชอบแล้วจำเลยจะมาคัดค้านภายหลังโดยอ้างว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่กับจำเลยตกลงเข้าเป็นหุ้นส่วนนำเงินมาซื้อที่ดินเพื่อขายแบ่งกำไรกันโดยซื้อที่ดินมาสามแปลง แต่จำเลยไม่สามารถชำระเงินค่าที่ดินตามสัดส่วนของตนที่มาลงทุนได้ โจทก์ทั้งสี่จึงเฉลี่ยกันออกเงินชำระค่าที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่เจ้าของที่ดินแทนจำเลยต่อมาจำเลยออกเช็คพิพาทสามฉบับรวมเป็นเงิน 3,492,432 บาทเพื่อชำระหนี้เงินที่โจทก์ทั้งสี่ชำระแทนจำเลยดังกล่าวแล้วโจทก์ทั้งสี่ได้นำเช็คพิพาททั้งสามฉบับไปขายลดแก่บริษัทเงินทุนสหสิน จำกัด ครั้นเมื่อเช็คพิพาททั้งสามฉบับถึงกำหนด บริษัทเงินทุนสหสิน จำกัด นำไปเรียกเก็บเงินปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสามฉบับโจทก์ทั้งสี่ต้องร่วมกันเฉลี่ยชำระเงินตามเช็คทั้งสามฉบับแก่บริษัทเงินทุนสหสิน จำกัด ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 3,743,301 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงิน 3,492,432 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์ทั้งสี่ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องก่อนจำเลยยื่นคำให้การศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคหนึ่งก่อนจำเลยยื่นคำให้การโจทก์มีสิทธิถอนคำฟ้องได้โดยยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือต่อศาล และศาลไม่จำต้องฟังหรือสอบถามจำเลยก่อน ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องตามคำบอกกล่าวจึงชอบแล้ว จำเลยจะมาคัดค้านภายหลังโดยอ้างว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษายืน

Share