คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7536/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อ น.ถึงแก่ความตาย การสมรสย่อมสิ้นสุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1501 การคิดส่วนทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับจำเลย มีผลตั้งแต่วันที่การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายนั้น และการแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาให้อยู่ในข้อบังคับของบทบัญญัติว่าด้วยการหย่าโดยความยินยอมทั้งสองฝ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1625สินสมรสของ น.กับจำเลยจึงแยกออกจากกันทันทีในวันที่น.ตาย สินสมรสครึ่งหนึ่งเป็นมรดกของ น. ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1533 ดังนั้น การที่โจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความภายหลังจากแยกสินสมรสแล้วว่ายอมนำทรัพย์มรดกของ น. ชำระให้โจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำทรัพย์ส่วนของจำเลยมาชำระหนี้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ในฐานะส่วนตัวและฟ้องจำเลยทั้งหกในฐานะเป็นทายาทของนายนิเทศ สร้อยสม ให้ชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าของโจทก์ ต่อมาโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 ที่ 6 ศาลชั้นต้นอนุญาตและศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 เนื่องจากโจทก์ทิ้งฟ้องในที่สุดศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ยอมนำทรัพย์มรดกของนายนิเทศชำระให้โจทก์ แต่เมื่อถึงกำหนดจำเลยที่ 1 ไม่นำมรดกของนายนิเทศชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์เพื่อนำออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 กันนายนิเทศ เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ทรัพย์สินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้นเป็นสินสมรสซึ่งจำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์รวมครึ่งหนึ่ง เมื่อได้นำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว ขอให้กันส่วนของจำเลยที่ 1 ให้แก่จำเลยที่ 1ครึ่งหนึ่งด้วย
โจทก์คัดค้านว่า จำเลยที่ 1 ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างร่วมกับนายนิเทศผู้ตายซึ่งเป็นสามี การที่นายนิเทศซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างจากโจทก์ไปใช้ในธุรกิจดังกล่าว จำเลยที่ 1ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอกันส่วน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อนายนิเทศถึงแก่ความตาย การสมรสย่อมสิ้นสุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1501 การคิดส่วนทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับจำเลยที่ 1 มีผลตั้งแต่วันที่การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายนั้น และการแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาให้อยู่ในข้อบังคับของบทบัญญัติว่าด้วยการหย่าโดยความยินยอมทั้งสองฝ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1625 ดังนี้สินสมรสของนายนิเทศกับจำเลยที่ 1 แยกออกจากกันทันทีในวันที่ 17 มกราคม 2534 อันเป็นวันที่นายนิเทศ ตาย สินสมรสครึ่งหนึ่งเป็นมรดกของนายนิเทศ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ วันที่ 29 กรกฎาคม 2534 อันเป็นเวลาภายหลังจากแยกสินสมรสแล้ว ดังนี้เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่า ยอมนำทรัพย์มรดกของนายนิเทศชำระเงินจำนวน 729,676 บาท ให้โจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำทรัพย์ส่วนของจำเลยที่ 1 มาชำระหนี้
พิพากษากลับเป็นว่า เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์แล้วให้กันเงินครึ่งหนึ่งแก่จำเลยที่ 1

Share