คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6866/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยมีสิทธิฟ้องโจทก์ได้อยู่แล้ว แม้โจทก์จะไม่ฟ้องจำเลย การที่จำเลยฟ้องแย้งมาในคำให้การก็เพื่อความสะดวกในการดำเนินคดีของจำเลยและการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลมิใช่เพิ่งจะเกิดมีสิทธิที่จะฟ้องโจทก์ขึ้นมาภายหลังจากที่โจทก์ฟ้องจำเลย การที่โจทก์ไม่นำค่าขึ้นศาลมาเสียเพิ่มภายในกำหนดตามคำสั่งศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง การทิ้งคำฟ้องของโจทก์จะมีผลลบล้างแห่งการยื่นคำฟ้องรวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่น ๆ อันมีมาต่อภายหลังยื่นคำฟ้อง แต่ก็มีผลเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์เท่านั้น หามีผลไปถึงฟ้องแย้งของจำเลยไม่ เพราะเป็นคนละส่วนกัน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่ตกไปด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2926 เดิมเป็นแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 15 โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดที่ดินโจทก์เพื่อขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) พบว่าก่อนหน้านั้นเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2604 และ 2486 ให้แก่ ก. และ ส. ตามลำดับซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของที่ดินโจทก์ทับที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะทายาทของ ก. และ ส.ต้องรับผิดต่อโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นนายอำเภอและเป็นผู้สั่งให้ออกหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) แก่ก. และ ส. โดยไม่ชอบ จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วยโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทั้งสามดำเนินการเพิกถอนแล้ว แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉยขอให้บังคับให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2604 และให้จำเลยที่ 2 และที่ 3เพิกถอนหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 2486 หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งในทำนองเดียวกันว่าจำเลยที่ 1 เป็นภริยาผู้มีสิทธิรับมรดกของ ก. จำเลยที่ 2เป็นภริยาผู้มีสิทธิรับมรดกของ ส. ที่ดินของ ก. และ ส.ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยชอบ แต่ที่ดินของโจทก์ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทับที่ดินของก. และ ส. โดยไม่ชอบ เนื่องจากทางราชการได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ให้โจทก์ภายหลังห่างกันหลายปี ขอให้ยกฟ้อง และขอให้บังคับโจทก์ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 2926 หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ก. และ ส. ทราบมาตั้งแต่ต้นว่าระวางที่ดินของตนออกทับระวางที่ดินของโจทก์ การที่ ก. และส. ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ในที่ดินดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาเสียเพิ่มภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง โจทก์ทราบคำสั่งแล้วแต่ไม่ปฏิบัติตาม ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้องและให้สืบพยานจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามฟ้องแย้งต่อไป
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2926 คำขออื่นตามฟ้องแย้งนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำหน่ายคดี สำหรับฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รับมรดกออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ของโจทก์ จึงขอให้บังคับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) ดังกล่าว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) สำหรับที่ดินที่จำเลยที่ 1และที่ 2 ได้รับมรดก จึงขอให้บังคับให้โจทก์เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ของโจทก์ จะเห็นได้ว่า ตามคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ดังกล่าว จำเลยที่ 1 และที่ 2มีสิทธิที่จะฟ้องโจทก์ได้อยู่แล้ว แม้โจทก์จะไม่ฟ้องจำเลยที่ 1และที่ 2 การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟ้องแย้งมาในคำให้การจึงเป็นไปเพื่อความสะดวกในการดำเนินคดีของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทั้งเพื่อความสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล มิใช่เพิ่งจะเกิดมีสิทธิที่จะฟ้องโจทก์ขึ้นมาภายหลังจากที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1และที่ 2 ดังนั้นการที่โจทก์ไม่นำค่าขึ้นศาลมาเสียเพิ่มภายในกำหนดตามคำสั่งศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องการทิ้งคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแม้จะมีผลลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องนั้น รวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่น ๆ อันมีมาต่อภายหลังยื่นคำฟ้อง แต่ก็มีผลเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์เท่านั้นหามีผลไปถึงฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งโจทก์เป็นจำเลยฟ้องแย้งไม่ เพราะเป็นคนละส่วนกัน
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share