คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3165/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายมีข้อความว่า เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันเป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควรแต่ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2) ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาเพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ คดีนี้เมื่อโจทก์มีหนังสือเตือนให้จำเลยส่งมอบสิ่งของตามสัญญาไม่ปรากฏว่าจำเลยแสดงเจตนาที่จะขอปฏิบัติตามสัญญาต่อไปอีก ทั้งการที่โจทก์มีหนังสือแจ้งขอสงวนสิทธิการปรับตามสัญญาไปยังจำเลยก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันตามสัญญาแล้วไม่ ดังนี้ต่อมาเมื่อโจทก์ใช้สิทธิเลิกสัญญากรณีจึงไม่ใช่เป็นการเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากจำเลยได้อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม 2527 ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2528 โจทก์ทำสัญญาซื้อเครื่องมือเครื่องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์จากจำเลยรวม 7 ฉบับ เพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา จำเลยได้นำสัญญาค้ำประกันของธนาคารทหารไทย จำกัด จำนวนร้อยละสิบของราคาที่สั่งซื้อตามสัญญาซื้อขายแต่ละฉบับมอบไว้แก่โจทก์ และในสัญญาตกลงกันว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญาและตามข้อตกลงแต่ละสัญญาแล้ว หากจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบไม่ครบจำนวนโจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาได้ในกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา จำเลยยอมให้โจทก์ริบหลักประกัน แต่ในกรณีที่โจทก์ไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา จำเลยยอมให้โจทก์ปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2) ของราคาที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันครบกำหนดส่งมอบจนถึงวันที่จำเลยได้นำสิ่งของมาส่งมอบจนครบ ต่อมาเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญาแต่ละฉบับแล้ว จำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของตามที่ระบุไว้แก่โจทก์เลย โจทก์ได้แจ้งเตือนให้จำเลยส่งมอบสิ่งของตามสัญญาและสงวนสิทธิปรับตามสัญญาทุกฉบับ แต่จำเลยเพิกเฉยโจทก์จึงได้บอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันของสัญญาทุกฉบับจากธนาคารทหารไทย จำกัด การที่จำเลยผิดสัญญาและผิดข้อตกลงดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงขอคิดค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2) ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบสำหรับสัญญาซื้อขายแต่ละฉบับนับตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญาแต่ละฉบับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาแต่ละฉบับ ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินค่าปรับให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น 661,300.57 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ตามเอกสารท้ายฟ้องจริง แต่โจทก์ไม่เคยแจ้งเตือนให้จำเลยส่งมอบสิ่งของและสงวนสิทธิการปรับตามสัญญาทุกฉบับ ทั้งไม่มีหนังสือบอกเลิกสัญญาต่อจำเลย การที่โจทก์ริบหลักประกันตามสัญญาย่อมเป็นการเพียงพอกับการผิดสัญญาแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์ได้สั่งซื้อเครื่องมือเครื่องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์จากจำเลยรวม 7 ครั้ง ทำสัญญากันไว้ 7 ฉบับ หลังทำสัญญาแล้ว จำเลยไม่ได้ส่งสิ่งของตามสัญญาให้แก่โจทก์เลย โจทก์จึงมีหนังสือเตือนให้จำเลยส่งมอบสิ่งของตามกำหนดและโจทก์ยังมีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยขอสงวนสิทธิในการเรียกค่าปรับตามที่กำหนดไว้ในสัญญาอีกด้วยแต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยและริบหลักประกัน ทั้งแจ้งให้จำเลยชำระค่าปรับให้แก่โจทก์ตามสัญญาทุกฉบับตั้งแต่วันครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญาแต่ละฉบับจนถึงวันบอกเลิกสัญญา คดีมีปัญหาตามฎีกาโจทก์เพียงว่า ในกรณีที่โจทก์บอกเลิกสัญญาซื้อขายแล้ว นอกจากโจทก์จะมีสิทธิริบหลักประกันแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันบอกเลิกสัญญาได้อีกส่วนหนึ่งด้วยหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ข้อสัญญาข้อ 8 ในสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 และ จ.7 กับข้อสัญญาข้อ 5 ในสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.5 จ.6 มีข้อความทำนองเดียวกันว่า เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกัน หรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันเป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนด 18 เดือน สำหรับสัญญาซื้อขายเอกสารหมายจ.1 ถึง จ.4 และ จ.7 หรือ 3 เดือน สำหรับสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.5 และ จ.6 นับแต่วันที่บอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ด้วย และในข้อ 9ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 และ จ.7 กับในข้อ 6ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.5 และ จ.6 มีข้อความตรงกันว่าในกรณีที่มีผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิเลิกสัญญาตามข้อ 8 สำหรับสัญญาเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 และ จ.7 หรือข้อ 5 สำหรับสัญญาเอกสารหมาย จ.5 จ.6 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2) ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้ผู้ซื้อจนถูกต้อง ครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่า ผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาเพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เมื่อโจทก์มีหนังสือเตือนให้จำเลยส่งมอบสิ่งของตามสัญญา ไม่ปรากฏว่าจำเลยแสดงเจตนาที่จะขอปฏิบัติตามสัญญาต่อไปอีก ทั้งการที่โจทก์มีหนังสือแจ้งขอสงวนสิทธิการปรับตามสัญญาไปยังจำเลยก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันตามสัญญาแล้วไม่ ดังนี้ต่อมาเมื่อโจทก์ใช้สิทธิเลิกสัญญา กรณีจึงไม่ใช่เป็นการเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากจำเลยได้อีก
พิพากษายืน

Share