แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจำนวนหนึ่งโดยมีบ้านของจำเลยเป็นหลักประกัน แต่ทั้งสองฝ่ายได้ทำสัญญาซื้อขายบ้านอำพรางไว้ต่อมาจำเลยได้ชำระหนี้จำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว สัญญาซื้อขายบ้าน จึงใช้บังคับแก่คู่กรณีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2528 จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากันได้ตกลงขายบ้านไม้สองชั้น เลขที่ 286หมู่ที่ 4 ตำบลตากฟ้า อำเภอตาก จังหวัดนครสวรรค์ แก่โจทก์เป็นเงิน 36,491 บาท จำเลยทั้งสองได้รับเงินไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้วในวันทำสัญญา และส่งมอบบ้านให้โจทก์เข้าครอบครองแล้วแต่ขณะนั้นจำเลยยังไม่สามารถขนของออกจากบ้านได้ทัน ขออาศัยไปก่อน 2-3 เดือน แล้วจำเลยทั้งสองจะไปยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนโอนให้โจทก์ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2528 หากจำเลยทั้งสองผิดสัญญายอมให้โจทก์ทั้งสองปรับเป็นเงิน 10,000 บาท ถึงกำหนดจำเลยทั้งสองไม่ยอมออกและขอผัดเรื่อยมาจนกระทั่งปลายเดือนธันวาคม 2532โจทก์เตือนจำเลยทั้งสองให้ออกจากบ้านและจัดการจดทะเบียนโอนแต่จำเลยทั้งสองปฏิเสธ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนบ้านตามฟ้องแก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง และให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากบ้านดังกล่าว หากจำเลยทั้งสองไม่สามารถโอนบ้านให้ได้ให้จำเลยทั้งสองคืนเงิน 36,491 บาท และใช้ค่าเสียหายอีก 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 46,491 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยตกลงขายบ้านแก่โจทก์ตามฟ้อง สัญญาจะซื้อขายบ้านที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเรื่องการกู้ยืมเงินหาใช่เรื่องซื้อขายไม่ จำเลยทั้งสองเป็นหนี้เงินยืมโจทก์ทั้งหนี้เก่าและใหม่รวมเงินต้นดอกเบี้ยแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น36,491 บาท จึงตกลงทำสัญญากู้ยืมเงินกัน โดยโจทก์นำแบบพิมพ์สัญญาซื้อขายมากรอกข้อความ แต่วันทำสัญญาไม่มีข้อความทั้งหมดตามฟ้อง สัญญาท้ายฟ้องข้อ 3 ว่า ผู้ขายจะไปจดทะเบียนโอนให้ผู้ซื้อภายในปี พ.ศ. 2528 หากไม่โอนและส่งมอบให้ผู้ซื้อผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 10,000 บาทพร้อมทั้งเสียภาษี ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นั้น ขณะทำสัญญาไม่มีข้อความดังกล่าว โจทก์กรอกต่อเติมเอาเองในภายหลังโดยจำเลยทั้งสองไม่รู้เห็นยินยอม จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องผูกพันรับผิดชอบข้อความที่โจทก์ต่อเติม สัญญาตามฟ้องไม่มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย เจตนาที่แท้จริงของคู่กรณีในการทำสัญญา มีวัตถุประสงค์ในเรื่องการกู้ยืมเงินกัน ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้เงินคืนภายใน 1 ปี และหนี้ดังกล่าวจำเลยทั้งสองได้ชำระให้โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว จึงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนโอนบ้านเลขที่ 426 หมู่ที่ 4 ตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้าจังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง ให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากบ้านพิพาท หากจำเลยไม่สามารถโอนบ้านให้โจทก์ได้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินจำนวน 36,491 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเงินเสร็จและให้จำเลยทั้งสองชำระค่าปรับจำนวน 10,000 บาท ให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า เชื่อว่าจำเลยทั้งสองได้กู้เงินโจทก์ไปจำนวนหนึ่งโดยมีบ้านของจำเลยทั้งสองเป็นหลักประกัน แต่ทั้งสองฝ่ายได้ทำสัญญาซื้อขายบ้านตามเอกสารหมาย จ.1 อำพรางไว้ ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ชำระหนี้จำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว สัญญาซื้อขายบ้านเอกสารหมาย จ.1จึงใช้บังคับแก่คู่กรณีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 155
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์