คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่ารวมเป็นเงินทั้งสิ้น 92,000 บาท จำเลยให้การโต้เถียงว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามบันทึกข้อตกลงแก่โจทก์จึงเป็นคดีที่โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่ใช่คดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัวเมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาทจึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยได้ตกลงหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน ในการนี้จำเลยตกลงจ่ายเงินให้แก่โจทก์จำนวน6,000 บาท ในวันจดทะเบียนหย่า และจำเลยจะจ่ายเงินจำนวน50,000 บาท ภายใน 3 เดือน นับแต่วันหย่าและจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์อีกเดือนละ 1,500 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะทำการสมรสใหม่ ดังปรากฏตามทะเบียนการหย่าและบันทึกข้อตกลงตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 หลังจากนั้นจำเลยไม่ได้ชำระเงินจำนวน 50,000 บาท และเงินรายเดือนเดือนละ 1,500 บาท ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 28 เดือน เป็นเงิน42,000 บาท ให้แก่โจทก์ โจทก์ได้ติดตามทวงถามจากจำเลยหลายครั้งแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงิน 92,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชำระเงินรายเดือนให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงเดือนละ 1,500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะทำการสมรสใหม่
จำเลยให้การว่า ในการหย่ากันไม่ได้มีการบันทึกการหย่าตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันโดยปราศจากเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง หากบันทึกการหย่าใช้บังคับได้ จำเลยก็ได้ปฏิบัติตามบันทึกการหย่าครบถ้วนถูกต้องทุกประการแล้ว จำเลยได้ชำระเงินจำนวน 50,000 บาท ให้แก่โจทก์ไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2529และจำเลยได้จ่ายเงินเป็นรายเดือนตามบันทึกการหย่าตลอดมาทุกเดือนไม่เคยขาดจนกระทั่งปลายเดือนเมษายน 2531 จำเลยทราบว่าโจทก์สมรสใหม่โดยอยู่กินกับชายผู้มีชื่อฉันสามีภริยาที่จังหวัดนครราชสีมา ฉะนั้น ในเดือนพฤษภาคม 2531 จำเลยจึงไม่ได้จ่ายเงินให้แก่โจทก์ โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะเรียกร้องเอาเงินจากจำเลยตามบันทึกการหย่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 92,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้ชำระเงินแก่โจทก์เป็นรายเดือนเดือนละ 1,500 บาทนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าโจทก์จะทำการสมรสใหม่ จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่ารวมเป็นเงินทั้งสิ้น 92,000 บาทจำเลยให้การโต้เถียงว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามข้อตกลงแก่โจทก์ จึงเป็นคดีที่โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ไม่ใช่คดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัวการที่จำเลยฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นการฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาของจำเลยขึ้นมาศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย

Share