คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5479/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีพฤติการณ์น่าสงสัย ตอนกลางวันจะปิดบ้านและเก็บตัวอยู่ในบ้าน ตอนกลางคืนจึงออกจากบ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกับชาวบ้านและไม่ปรากฏว่าประกอบอาชีพอะไรถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ อันเป็นเหตุ ให้ออกหมายค้นได้ ก่อนเข้าตรวจค้นร้อยตำรวจโทส. ได้แสดงหมายค้นเพื่อขอตรวจค้นแล้ว แต่ถ. ไม่ยอมให้ตรวจค้นขณะร้อยตำรวจโทป. จะเดินเข้าประตูบ้านจำเลยใช้มือผลักหน้าอกร้อยตำรวจโทป. พร้อมกับร้องด่าว่า “ไอ้พวกอันธพาลไอ้พวกฉิบหายไอ้มือปืน”ร้อยตำรวจโทส. เข้าไปห้ามปรามจำเลยแต่จำเลยก็ยังด่าอีก การกระทำดังกล่าวในขณะตำรวจจะเข้าทำการตรวจค้นซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่และเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136, 138, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 138 วรรคสอง เรียงกระทงลงโทษฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จำคุก 4 เดือนฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่จำคุก4 เดือน รวมจำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 69 บัญญัติว่า เหตุที่จะออกหมายค้นได้มีดังต่อไปนี้
(1)…ฯลฯ…
(2) เพื่อพบและยึดสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิด หรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้ใช้ หรือตั้งใจจะใช้ในการกระทำความผิด ฯลฯ เห็นว่า เหตุที่จะออกหมายคันดังกล่าวได้ จะต้องมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่คดีนี้ปรากฏว่ามีผู้มาร้องเรียนต่อร้อยตำรวจโทสมชายว่าจำเลยมีพฤติการณ์น่าสงสัย โดยตอนกลางวันจะปิดบ้านและเก็บตัวอยู่ภายในบ้านตอนกลางคืนจึงออกจากบ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนบ้าน และไม่ปรากฏว่าประกอบอาชีพอะไรสงสัยภายในบ้านจะมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ร้อยตำรวจโทสมชายได้ปรึกษากับพันตำรวจโทล้อมสารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอวัฒนานครซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาแล้ว พันตำรวจโทล้อมจึงได้ออกหมายค้นกรณีดังกล่าวถือได้ว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ อันเป็นเหตุให้ออกหมายค้นได้ตามบทกฎหมายดังกล่าว การออกหมายค้นจึงชอบด้วยกฎหมายแล้วและวินิจฉัยว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุร้อยตำรวจโทสมชาย ร้อยตำรวจโทประสาน ร้อยตำรวจโทชัยยงกับเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอวัฒนานคร อีกหลายคนร่วมกับนายวัชพล ปลัดอำเภอวัฒนานคร และนายเขียนผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 ได้นำหมายค้นตามเอกสารหมาย จ.1 ไปตรวจค้นที่บ้านจำเลยตามที่มีผู้ร้องเรียนว่าสงสัยจะมีของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่พบจำเลยกับนายถาวรที่หน้าบ้าน ร้อยตำรวจโทสมชายแสดงหมายค้นเพื่อขอตรวจค้นแล้ว แต่นายถาวรคัดค้านว่า หมายค้นไม่ถูกต้องและไม่ยอมให้ตรวจค้นร้อยตำรวจโทสมชายกับพวกยืนยันว่าหมายค้นถูกต้องและเข้าตรวจค้นบ้านจำเลยแต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ก่อนเข้าตรวจค้น ร้อยตำรวจโทสมชายได้แสดงหมายค้นเพื่อขอตรวจค้นแล้ว แต่นายถาวรไม่ยอมให้ตรวจค้น ขณะร้อยตำรวจโทประสานจะเดินเข้าประตูบ้านจำเลยใช้มือผลักหน้าอกร้อยตำรวจโทประสานพร้อมกับร้องด่าว่า “ไอ้พวกอันธพาล ไอ้พวกฉิบหาย ไอ้มือปืน” ร้อยตำรวจโทสมชายเข้าไปห้ามปรามจำเลย แต่จำเลยก็ยังคงด่าผู้เสียหายกับพวกอีกการที่จำเลยใช้มือผลักหน้าอกของร้อยตำรวจโทประสานในขณะที่จะเข้าตรวจค้นหมายค้น ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย จึงเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และการที่จำเลยพูดด่าผู้เสียหายทั้งสามกับพวกดังกล่าว เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 กระทงหนึ่ง ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ1,000 บาท และตามมาตรา 138 วรรคสอง อีกกระทงหนึ่งให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 1,000 บาท รวมจำคุก 4 เดือนและปรับ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือนและปรับ 1,500 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับจำเลยอายุถึง 62 ปีแล้ว และไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้จำเลยมีโอกาสกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป จึงให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

Share