คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4501/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะบทกฎหมายบางกระทง มิได้แก้โทษจึงต้องห้าม มิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เอกสารหมาย ปจ.1 ไม่เป็นเอกสารสำหรับอาวุธปืนของกลาง และฟังไม่ได้ว่าจำเลยซื้ออาวุธปืนของกลางจากนายสมพงษ์สวัสดิ์ จำเลยฎีกาว่า จำเลยซื้ออาวุธปืนของกลางจากนายสมพงษ์จำเลยนำอาวุธปืนของกลางพร้อมเอกสารหมาย ปจ.1 มายื่นคำร้องขอซื้ออาวุธปืนของกลางจากพนักงานเจ้าหน้าที่และมีหนังสืออนุญาตให้ไปขอรับโอนซึ่งออกโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ แม้ยังไม่ได้โอนเป็นชื่อของจำเลยอาวุธปืนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเป็นอาวุธปืนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายนับว่าเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยวางอาวุธปืนของกลางในรถคันที่จำเลยขับ ซึ่งจอดอยู่หน้าร้านอาหาร ส่วนจำเลยกับพวกนั่งรับประทานอาหารในร้านดังกล่าว ไม่มีทรัพย์สินมีค่าในรถ การพาอาวุธปืนติดตัวไปถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามพฤติการณ์ จำเลยฎีกาว่า จำเลยพาอาวุธปืนของกลางไปโดยมิดชิดไม่เปิดเผยเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะสรุปโดยง่ายว่าเป็นความผิดและไม่มีเหตุสมควรเร่งด่วน เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 และขอให้ริบอาวุธปืน ซองกระสุนปืน กระสุนปืนของกลางสั่งคืนซองปืน กระเป๋าใส่อาวุธปืนของกลางแก่เจ้าของ นับโทษของจำเลยต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1373/2531ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจริง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาตเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดด้วยกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 วางโทษจำคุก 6 เดือน รวมเป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน ให้ริบอาวุธปืน ซองกระสุนปืนและกระสุนปืนส่วนซองปืนและกระเป๋าใส่อาวุธปืนให้คืนเจ้าของที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1373/2531ของศาลชั้นต้นนั้น ไม่ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลได้พิพากษาแล้วหรือยังจึงไม่นับโทษต่อให้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2590 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง,8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีปัญหาตามที่จำเลยฎีกาเป็นประการแรกว่าจำเลยซื้ออาวุธปืนของกลางจากนายสมพงษ์ สวัสดิ์ จำเลยนำอาวุธปืนของกลางพร้อมเอกสารหมาย ปจ.1 ของศาลจังหวัดพิจิตร มายื่นคำร้องขอซื้ออาวุธปืนของกลางจากพนักงานเจ้าหน้าที่และนำหนังสืออนุญาตให้ไปขอรับโอนเป็นของจำเลย ณ ที่ว่าการอำเภอโพทะเลทั้งหนังสืออนุญาตให้ไปขอรับโอนอาวุธปืนของกลางก็ออกโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ แม้ยังไม่ได้โอนเป็นชื่อของจำเลยอาวุธปืนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเป็นอาวุธปืนที่ถูกต้องตามกฎหมายจำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตนั้น เห็นว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าเอกสารหมาย ปจ.1 ของศาลจังหวัดพิจิตรไม่เป็นเอกสารสำหรับอาวุธปืนของกลางและฟังไม่ได้ว่าจำเลยซื้ออาวุธปืนของกลางจากนายสมพงษ์ สวัสดิ์ ดังนั้นฎีกาจำเลยจึงเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมาย นับว่าเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก
จำเลยฎีกาประการสุดท้ายว่า จำเลยพาอาวุธปืนของกลางไปโดยมิดชิดไม่เปิดเผยเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลย จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะสรุปโดยง่ายว่าเป็นความผิดและไม่มีเหตุสมควรเร่งด่วนจำเลยไม่มีความผิดฐานพาอาวุธปืนตามฟ้องนั้น เห็นว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยวางอาวุธปืนของกลางในรถคันที่จำเลยขับซึ่งจอดอยู่หน้าร้านอาหารเทวราชส่วนจำเลยกับพวกนั่งรับประทานอาหารในร้านดังกล่าว ไม่มีทรัพย์สินมีค่าในรถการพาอาวุธปืนติดตัวไปถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามพฤติการณ์ ดังนี้ ฎีกาจำเลยจึงเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกเช่นเดียวกัน
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share