คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4415/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีที่ดินอันมีสภาพเป็นป่าได้ตัดไม้ล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทที่อยู่ติดต่อกันเพื่อเอามาใช้สอยเล็ก ๆ น้อย ๆเป็นครั้งคราวเท่านั้น การกระทำดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ในชั้นอุทธรณ์ โจทก์มิได้แก้อุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์จึงไม่ถูกต้องศาลฎีกาจึงต้องพิพากษาให้จำเลยไม่ต้องใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 9108 โจทก์ทั้งสองนำเจ้าพนักงานรังวัดเพื่อแบ่งแยกที่ดินจำเลยได้มาระวังแนวเขตและค้านว่าที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ซึ่งอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ทั้งสองเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตโฉนดเลขที่ 9162 ของจำเลยและเป็นที่ดินของจำเลย เจ้าพนักงานจึงไม่อาจรังวัดแบ่งแยกที่ดินได้ ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ในโฉนดเลขที่ 9108 เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องและให้จำเลยลงลายมือชื่อรับรองเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 9108 หากไม่ไปรับรองก็ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 9162 ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์รวมถึงที่ดินภายในเส้นสีแดงจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย โจทก์ทั้งสองได้ร่วมกันบุกรุกและนำชี้เพื่อรังวัดที่ดินของตนรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลยขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่า ที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ เป็นกรรมสิทธิ์ ของจำเลยห้ามโจทก์ทั้งสองเข้าเกี่ยวข้อง ให้โจทก์ทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่พิพาทหมาย ล.2 เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน7 ตารางวา ในโฉนดเลขที่ 9108 เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ให้ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ในปัญหาว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 หรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพฤติการณ์จากพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยฟังได้เพียงว่า จำเลยซึ่งมีที่ดินอันมีสภาพเป็นป่าได้ตัดไม้ล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทที่อยู่ติดต่อกันเพื่อเอามาใช้สอยเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นครั้งคราวเท่านั้นการกระทำดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการครอบครองที่ดินพิพาท พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานของจำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share