แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องอ้างว่า ช. ยกที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องและผู้ร้องสอด หรือสั่งว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว คำร้องของ ผู้ร้องสอดจึงเป็นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรับรองคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องสอดเมื่อผู้ร้องสอดเป็นผู้มีส่วนได้เสียในมูลความแห่งคดีย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 8421 ตำบลวัดละมุดอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มีนางช้อย ชัชช่วงโชติเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ขณะที่นางช้อยมีชีวิตอยู่ ผู้ร้องได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแปลงนี้ โดยปลูกเรือนพักอาศัยอยู่กับครอบครองและปลูกมะม่วง กล้วย ผลไม้อื่น ๆ ในที่ดินทั้งแปลงตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จนกระทั่งปัจจุบัน ผู้ร้องได้ครอบครองด้วยความสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลาประมาณ 26 ปี โดยไม่มีผู้ใดขัดขวางหรือคัดค้านแต่อย่างใดผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวผู้คัดค้านทั้งหกคัดค้านว่า เดิมที่ดินเป็นของนางช้อย นางช้อยได้ให้นางแหวน มลิทอง บุตรสาวซึ่งแต่งงานกับผู้ร้องแยกไปปลูกเรือนอยู่อาศัยโดยมิได้ยกที่ดินให้ เมื่อนางช้อยถึงแก่ความตาย ทายาทของนางช้อยยังคงให้นางแหวนอยู่อาศัยในที่ดินเช่นเดิม ผู้ร้องไม่ได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ขอให้ยกคำร้อง ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความโดยอ้างว่า ผู้ร้องเป็นสามีของผู้ร้องสอด นางช้อยได้ยกที่ดินดังกล่าวให้ผู้ร้องสอดซึ่งเป็นบุตร ผู้ร้องสอดและผู้ร้องได้เข้าครอบครองทำกินโดยสงบ เปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ไม่มีผู้ใดคัดค้านหรือขัดขวางเป็นเวลากว่า 30 ปีขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องสอดและผู้ร้องหรือผู้ร้องสอดฝ่ายเดียวได้กรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 8421 ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐม ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องและผู้ร้องสอดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้คัดค้านทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ที่พิพาทโฉนดเลขที่ 8421 ตำบลวัดละมุดอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มีชื่อนางช้อย ชัชช่วงโชติเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์นางช้อยถึงแก่ความตายเมื่อ พ.ศ. 2513ผู้ร้องสอดเป็นบุตรของนางช้อยและเป็นภรรยาผู้ร้องปัญหาต่อไปมีว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องสอดเป็นคู่ความฝ่ายที่ 3 นั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยผู้คัดค้านทั้งหกเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ผิดระเบียบเพราะผู้ร้องสอดยื่นคำร้องอ้างว่าผู้ร้องสอดได้ครอบครองที่ดินพิพาท ผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียในผลแห่งคดีร่วมกับผู้ร้อง ซึ่งจะต้องสั่งให้เข้ามาเป็นคู่ความร่วมกับผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2)นั้น เห็นว่า ตามคำร้อง ผู้ร้องสอดเห็นว่า นางช้อยยกที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องสอดและผู้ร้อง หรือสั่งว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว คำร้องของ ผู้ร้องสอดจึงเป็นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรับรองคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องสอด เมื่อผู้ร้องสอดเป็นผู้มีส่วนได้เสียในมูลความแห่งคดี ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) หาใช่ขอเข้าเป็นคู่ความร่วมกับผู้ร้องตามมาตรา 57(2) ตามที่ผู้คัดค้านอ้างไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามชอบแล้ว”
พิพากษายืน