คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่ามิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์มิได้ให้การถึงประเด็นว่าจำเลยสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยสุจริต ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2541 จำนวน 63 เศษเก้าส่วนสิบ ตารางวาจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1131 จำนวน81 เศษแปดส่วนสิบ ตารางวา ที่ดินของจำเลยแปลงดังกล่าวติดต่อกับที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันออก จำเลยได้ปลูกสร้างหรือยอมให้ผู้อื่นปลูกสร้างบ้านรวม 3 หลัง ได้แก่บ้านเลขที่ 171, 171/1, 171/2 โจทก์ยื่นคำขอต่อพนักงานที่ดินจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้ทำการรังวัดตรวจสอบแนวเขตตามโฉนดที่ดินของโจทก์ ผลการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินปรากฏว่า จำเลยรุกล้ำเข้าครอบครองที่ดินของโจทก์จำนวน 3 ตารางวา โดยครัวไฟห้องเก็บของกันสาดด้านหลังของบ้านเลขที่ 171/1 จำเลยปลูกหรือยินยอมให้ผู้อื่นปลูกรุกล้ำแนวเขตที่ดินของโจทก์ลึกประมาณ0.5-1 เมตร และห้องน้ำด้านหลังสองห้องกับห้องนอนชั้นบนและชั้นล่างของบ้านเลขที่ 171/2 จำเลยปลูกหรือยินยอมให้ผู้อื่นรุกล้ำแนวเขตที่ดินของโจทก์ นอกจากส่วนของโรงเรือนที่รุกล้ำแล้วจำเลยยังได้ก่อแนวกำแพงอิฐบล็อกเพื่อกั้นระหว่างบ้านพักของโจทก์กับบ้านพักของจำเลย โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนบ้านและกำแพงส่วนที่รุกล้ำหลายครั้งแต่จำเลยเพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 171/1, 171/2 และแนวกำแพงอิฐบล็อกส่วนที่รุกล้ำเข้ามาในแนวเขตที่ดินของโจทก์และทำให้ที่ดินของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิมก่อนมีการปลูกสร้างของโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อและครอบครองที่ดินแปลงติดกับที่ดินของโจทก์ประมาณ 10 ปีเศษ ขณะที่ยังไม่มีโฉนดด้านติดที่ดินของโจทก์มีรั้วลวดหนามกั้นจำเลยยื่นคำร้องต่อพนักงานที่ดินอำเภอแม่สะเรียงให้รังวัดสอบเขตที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดิน ผลการรังวัดสอบเขตไม่มีเจ้าของที่ดินข้างเคียงคัดค้านรวมทั้งนายอินทร์สวน ไชยชาววงค์ เจ้าของที่ดินซึ่งขายให้โจทก์ พนักงานที่ดินจึงออกโฉนดที่ดินให้จำเลยเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2522 ต่อมานายอินทร์สวนยื่นคำร้องต่อพนักงานที่ดินให้ทำการรังวัดสอบเขตที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดิน ไม่มีเจ้าของที่ดินข้างเคียงคัดค้าน พนักงานที่ดินจึงออกโฉนดที่ดินให้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2523 แนวเขตที่ดินระหว่างนายอินทร์สวนและจำเลยผ่านการรังวัดสอบเขตถึงสองครั้งโดยไม่มีการคัดค้านถือว่าถูกต้องจำเลยก่อรั้วกำแพงอิฐบล็อกตามแนวเขตรั้วเดิมจึงไม่เป็นการรุกล้ำ หลังจากนั้นนายอินทร์สวนขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้โจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องต่อพนักงานที่ดินให้รังวัดสอบเขตที่ดินใหม่ แล้วพนักงานที่ดินบันทึกลงความเห็นว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินโจทก์ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยเหตุผลและหลักกฎหมาย จากบันทึกของพนักงานที่ดินเห็นได้ว่าที่ดินของโจทก์ขาดหายไป เนื่องจากวัดอุทยานรมย์สร้างกำแพงรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของนางมาลา อารีและนางมาลา อารี สร้างกำแพงรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่171/1 และ 171/2 ส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ รวมทั้งกำแพงอิฐบล็อกซึ่งกั้นระหว่างบ้านพักโจทก์และจำเลยออกจากแนวเขตที่ดินของโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 2541 ด้านทิศตะวันออก จำนวน3 ตารางวา ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลย ห้ามมิให้จำเลยและบริวารยุ่งเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์ดังกล่าวอีกต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลฎีกาเห็นว่าแผนที่รังวัดเอกสารหมาย จ.3 และมีบันทึกการไกล่เกลี่ยเอกสารหมาย จ.4เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนและก่อกำแพงอิฐบล็อกตามฟ้องรุกล้ำเข้าไปในที่ของโจทก์จริงพยานโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยและบริวารรื้อถอนรั้วบ้านส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์รวมทั้งกำแพงอิฐบล็อกซึ่งกั้นระหว่างบ้านพักโจทก์และจำเลยออกจากแนวที่ดินของโจทก์จึงชอบแล้ว
สำหรับปัญหาว่า จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนและก่อกำแพงอิฐบล็อกในที่พิพาทโดยเชื่อว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยสุจริตนั้น เห็นว่าจำเลยให้การว่ามิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ มิได้ให้การถึงในประเด็นว่า จำเลยสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยสุจริต จึงเป็นเรื่องที่จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ ถือว่าเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายืน

Share