คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งลูกหนี้ (จำเลย)โอนขายให้ผู้คัดค้าน ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้องโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนและผู้ร้องฎีกา ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายของลูกหนี้ (จำเลย) ดังนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจจัดกิจการและทรัพย์สินแทนลูกหนี้ (จำเลย) ต่อไปลูกหนี้ (จำเลย) พ้นจากภาวะการเป็นบุคคลล้มละลายแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีอำนาจตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 22,24 และ 114 ที่จะขอให้ศาลเพิกถอนการโอนดังกล่าวได้ ต้องจำหน่ายคดีของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสียจากสารบบความ

ย่อยาว

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดแล้ว และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนพบว่าจำเลยที่ 2 โดยขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้คัดค้านภายในกำหนดระยะเวลา 3 ปีก่อนมีการขอให้ล้มละลายในราคาต่ำกว่าราคาแท้จริง โดยไม่สุจริตขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าว ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าที่กำหนดราคาซื้อขายต่ำก็เพื่อให้เสียค่าธรรมเนียมในการโอนน้อยลงเท่านั้น ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2530 ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องได้ยื่นคำแถลงต่อศาลว่า ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายของลูกหนี้ทั้งสอง (จำเลยทั้งสอง) ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 135(1) ตั้งแต่วันที่13 ตุลาคม 2529 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจจัดกิจการและทรัพย์สินแทนลูกหนี้ (จำเลย) ต่อไปจำเลยจึงพ้นจากภาวะการเป็นบุคคลล้มละลายแล้ว ผู้ร้องไม่มีอำนาจตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22, 24, 114 ที่จะขอให้ศาลเพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 10167 ดังกล่าวอีกต่อไป จึงให้จำหน่ายคดีของผู้ร้องเสียจากสารบบความ”

Share