คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5374/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริเวณปากทางลงอุโมงค์ลอดใต้ทางรถไฟเป็นทางแคบและลาดชันทั้งถนนก็ขรุขระและที่ปากทางอุโมงค์มีกำแพงคอนกรีตกลางถนนยื่นออกมายาวประมาณ 3 เมตร การที่จำเลยขับรถยนต์บรรทุกลากรถบรรทุกพ่วงมีความยาวรวมกันประมาณ 14 เมตร แซงรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมทางด้านขวาขณะแล่นเข้าอุโมงค์ลงไปในที่ลาดชัน โดยที่ตัวรถยนต์บรรทุกและรถบรรทุกพ่วงมีความกว้างเกือบเต็มช่วงเดินรถ และรถบรรทุกพ่วงก็บรรทุกปูนซีเมนต์เต็มคันรถเป็นเหตุให้รถบรรทุกพ่วงเสียการทรงตัวไปกระแทกเอารถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมซึ่งขับอยู่ด้านข้าง เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 90พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสังเวียน สนทา ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(ที่ถูกมาตรา 43(4)), 157 อันเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง จำเลยได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน 70-2184 สงขลา ลากรถบรรทุกพ่วงแปดล้อหมายเลขทะเบียน70-2185 สงขลา บรรทุกถังเหล็กคันละสองถังซึ่งบรรจุปูนซีเมนต์ผงเต็มทุกถังไปตามถนนศรีภูวนาถในจากสี่แยกถนนนิพัทธิ์อุทิศ 1ตัดกับถนนศรีภูวนาถในมุ่งหน้าไปทางตลาดหาดใหญ่ เมื่อมาถึงบริเวณปากทางลงอุโมงค์ลอดใต้ทางรถไฟไปขึ้นที่ถนนเกษมราษฎร์อุทิศได้เกิดเหตุรถบรรทุกพ่วงที่จำเลยขับรถยนต์บรรทุกลากมากระแทกรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วม เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมล้มลงเสียหายและโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัส ปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า บริเวณปากทางลงอุโมงค์ลอดใต้ทางรถไฟเป็นทางแคบและลาดชัน ทั้งถนนก็ขรุขระรถยนต์บรรทุกและรถบรรทุกพ่วงมีความยาวรวมกันประมาณ 12 ถึง 14 เมตรตามภาพถ่ายหมาย จร.2 และตามทางนำสืบของฝ่ายโจทก์และโจทก์ร่วมกับจำเลยก็ตรงกันว่า ที่ปากทางอุโมงค์มีกำแพงคอนกรีตตรงกลางถนนยื่นออกมาประมาณ 3 เมตร ตามภาพถ่ายหมาย จร.1 ดังนั้น การที่จำเลยขับรถยนต์บรรทุกลากรถบรรทุกพ่วงคันเกิดเหตุแซงรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมทางด้านขวาขณะแล่นเข้าอุโมงค์ลงไปในที่ลาดชันในลักษณะเช่นนี้โดยที่ตัวรถยนต์บรรทุกและรถบรรทุกพ่วงมีความกว้างเกือบเต็มช่องเดินรถ และรถบรรทุกพ่วงก็บรรทุกปูนซีเมนต์เต็มคันรถ น่าเชื่อว่า เหตุที่เฉี่ยวชนเกิดจากการที่รถบรรทุกพ่วงเสียการทรงตัวไปกระแทกเอารถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมซึ่งขับอยู่ด้านข้าง จึงปรากฏมีรอยถลอกที่ยางชั้นนอกล้อหน้าของรถบรรทุกพ่วง การที่จำเลยขับรถยนต์บรรทุกลากรถบรรทุกพ่วงคันเกิดเหตุแซงรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมในบริเวณดังกล่าวอันมีลักษณะเป็นที่คับขัน จนเป็นเหตุให้รถบรรทุกพ่วงกระแทกรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมจนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมได้รับความเสียหาย และโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสเช่นนี้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยขับรถยนต์บรรทุกลากรถบรรทุกพ่วงคันเกิดเหตุโดยประมาท ส่วนที่จำเลยขอให้ศาลรอการลงโทษจำเลย เห็นว่า ตามพฤติการณ์แห่งคดีปรากฏว่าจำเลยมิได้หลบหนีและยังนำโจทก์ร่วมส่งโรงพยาบาล ทั้งได้เสนอชดใช้ค่าเสียหายมาโดยตลอด และในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 51341/2536 ของศาลจังหวัดสงขลา ที่โจทก์ร่วมฟ้องให้จำเลยชำระค่าเสียหาย โจทก์ร่วมก็ได้ถอนฟ้องจำเลยเพราะได้รับค่าเสียหายจากจำเลยเรียบร้อยแล้วกรณีมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ และเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบเห็นสมควรกำหนดโทษปรับอีกสถานหนึ่ง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งเป็นเงิน 4,000 บาทและให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share