คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5018/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการทรัพย์หรือการประกอบกิจการแทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อมุ่งที่จะคุ้มครองลูกหนี้ตามคำพิพากษาให้มีโอกาสชำระหนี้ โดยไม่จำต้องขายทรัพย์สินอันสามารถทำรายได้ให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาไป เมื่อได้ความว่ารายได้จากการประกอบการอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของจำเลยอาจเพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษา ศาลฎีกาให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์ที่ยึดเพื่อดำเนินกิจการแทนการขายทอดตลาดได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญารับสภาพหนี้ โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยยอมชำระหนี้ 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ โดยวิธีผ่อนชำระเป็นงวด หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดให้บังคับคดีได้ ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยหลายรายการ รวมทั้งรถตักและเครื่องชั่ง เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ทั้งสองรายการดังกล่าวจำเลยใช้ในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมด้านผลิตอาหารสัตว์ซึ่งทำรายได้ประจำปีเพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมได้ ขอให้มีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า สมควรตั้งผู้จัดการทรัพย์หรือการประกอบกิจการตามที่จำเลยร้องขอแทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 บัญญัติให้อำนาจศาลในการที่มีคำสั่งในกรณีดังกล่าวซึ่งมุ่งที่จะคุ้มครองลูกหนี้ตามคำพิพากษาให้มีโอกาสชำระหนี้โดยไม่จำต้องขายทรัพย์สินอันสามารถทำรายได้ให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาไป คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเงิน 600,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปี ในต้นเงิน 530,000 บาทโดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน และได้ความจากการนำสืบของจำเลยว่าระหว่างถูกยึดทรัพย์จำเลยได้ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์แล้วรวม 100,000บาทเศษ จึงน่าเชื่อว่ารายได้จากการประกอบการอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของจำเลยอาจเพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรให้ตั้งผู้จัดการทรัพย์ในการประกอบกิจการแทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307
พิพากษากลับ ให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์ที่ยึดตามคำร้องเพื่อดำเนินกิจการแทนการขายทอดตลาด โดยให้จำเลยมอบเงินรายได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 100,000 บาท ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีหากจำเลยไม่ส่งมอบเงินรายได้ดังกล่าวภายในกำหนดแต่ละเดือนก็ให้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดดังกล่าวต่อไป

Share