แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปกับผู้อื่นซึ่งพกเงินไปจำนวน 300,000 บาท เพื่อทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่ต่างจังหวัดในเวลากลางคืนนั้น ไม่ถือว่าเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80,91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม,72 ทวิ วรรคสอง ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ จำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 12 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาประการแรกที่ว่า การที่จำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์หรือไม่ ซึ่งจำเลยเบิกความว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยได้ขับรถยนต์พานางสาวสุจิตราไปติดต่อซื้อที่ดินที่ตำบลบ้านข่อย อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นางสาวสุจิตรามีเงินติดตัวไป300,000 บาท ระหว่างทางจำเลยแวะหานายสมชาย สุเมฆะกุลและขอยืมอาวุธปืนไปด้วยเพราะเห็นว่าเส้นทางที่จะไปเป็นทางเปลี่ยว จำเลยและนางสาวสุจิตราถึงตำบลบ้านข่อย เวลาประมาณ13 นาฬิกา ได้ตกลงซื้อที่นาและวางมัดจำเสร็จเวลาประมาณ 20 นาฬิกาแล้วเดินทางกลับถึงจังหวัดนนทบุรีเวลา 23 นาฬิกา จำเลยได้ส่งนางสาวสุจิตรา เข้าบ้าน แล้วจำเลยขับรถไปจอดที่ท่าน้ำสุดซอยและเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหายในคืนนั้น เห็นว่า นางสาวสุจิตราได้ตกลงที่จะซื้อที่ดินไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงมีเวลาเตรียมการที่จะนำเงินสดไปหรือหากเห็นว่าการนำเงินสดไปจำนวนมากถึง 300,000 บาทอาจเป็นอันตรายก็สามารถเปลี่ยนเป็นตั๋วแลกเงินเสียก็ได้การเดินทางเพื่อซื้อขายที่ดินก็ดี การตกลงซื้อขายที่ดินก็ดี สามารถทำในเวลากลางวันได้ เพราะไม่ปรากฏว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนแต่ประการใดหลังจากที่วางมัดจำกันเสร็จแล้ว จำเลยเดินทางกลับบ้านแต่ไม่ได้แวะคืนอาวุธปืนให้เจ้าของกลับพาอาวุธปืนมาบ้านของจำเลยจนกระทั่งเกิดเหตุคดีนี้ กรณีไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีอาชีพเป็นหลักแหล่งและไม่เคยกระทำผิดถึงต้องโทษจำคุกมาก่อน ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษไว้ เห็นว่า จำเลยมีอาชีพเป็นพนักงานขับรถยนต์ไม่เคยกระทำผิดต้องโทษถึงจำคุกมาก่อน เป็นเหตุอันควรปรานีเห็นควรรอการลงโทษให้จำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้ลงโทษปรับด้วย 3,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวให้ลงโทษปรับด้วย 3,000 บาท รวมปรับ 6,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงปรับ 4,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษถึงจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์