แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การสอบสวนคดีเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะสืบหาพยานหลักฐานมาประกอบในการดำเนินคดีตามที่ได้รับแจ้ง และเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่จะเรียกบุคคลใดมาเป็นพยานหรือหมายเรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องมาเป็นพยาน การที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเชื่อคำให้การของผู้เสียหายและไม่สืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานอื่นอีก เป็นดุลพินิจของจำเลย เมื่อพนักงานอัยการฟ้องโจทก์ต่อศาลแล้ว แม้ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์ ก็มิได้หมายความว่าคดีที่โจทก์ถูกฟ้องไม่มีมูลความผิด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเป็นพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2530 นางวันทนีย์ได้แจ้งความต่อจำเลยที่ 1กล่าวหาโจทก์กระทำความผิดฐานฉ้อโกงว่านางวันทนีย์เป็นเจ้าของบริษัทมุกดาสยาม จำกัด ได้ยื่นขอสัมปทานการเดินรถยนต์โดยสารกรุงเทพ-นครพนม แต่ยังไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ได้หลอกลวงว่ารู้จักบุคคลสำคัญในราชสำนักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามารถช่วยเหลือเรื่องขอสัมปทานการเดินรถยนต์สายดังกล่าวได้ ถ้านางวันทนีย์บริจาคเนื่องในวันครบรอบพระราชพิธีราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน นางวันทนีย์หลงเชื่อได้มอบเงินจำนวน 3,000,000 บาท ให้โจทก์ไป ต่อมานางวันทนีย์ขอหลักฐานการรับเงินบริจาคแต่โจทก์ว่าไม่มีหลักฐาน นางวันทนีย์เชื่อว่าโจทก์หลอกลวงจึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อจำเลยที่ 1 ต่อมาวันที่ 12 เดือนเดียวกัน จำเลยที่ 1 ที่ 2 จับกุมโจทก์และควบคุมตัวโจทก์ไว้ในฐานะผู้ต้องหาประมาณสิบกว่าวันแล้วจำเลยทั้งสามทำความเห็นสั่งฟ้องโจทก์ พนักงานอัยการได้ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ต่อมานางวันทนีย์ได้ถอนคำร้องทุกข์ศาลได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี หลังจากนั้นโจทก์ได้ฟ้องนางวันทนีย์เป็นจำเลยคดีอาญาข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวนเพื่อแกล้งให้โจทก์ได้รับโทษโดยรู้อยู่ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเช่นนั้นเกิดขึ้น นางวันทนีย์ได้ยอมความกับโจทก์แล้ว โจทก์จึงทราบว่าเหตุที่โจทก์ถูกจับกุมคุมขังและถูกดำเนินคดีอาญาเป็นจำเลยในคดีอาญาต่อศาลก็เพราะจำเลยทั้งสามร่วมกันสอบสวนคดีตามข้อกล่าวหาของนางวันทนีย์โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ไม่สอบสวนให้แน่ชัดเสียก่อนว่าข้อความที่นางวันทนีย์ให้การนั้นเป็นความจริงหรือไม่ ซึ่งหากจำเลยทั้งสามใช้ความระมัดระวังก็จะทราบได้ว่า ข้อที่นางวันทนีย์ให้การกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง การที่จำเลยทั้งสามงดเว้นการสอบสวนพยานหลักฐานต่าง ๆ และจับกุมคนขังโจทก์แล้วมีความเห็นควรสั่งฟ้องโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ถูกฟ้องเป็นจำเลยคดีอาญาต่อศาล ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายถูกคุมขัง เสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 3,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามปฏิบัติหน้าที่ไปตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ เหตุที่ต้องเร่งรัดจับกุมโจทก์และสอบสวนคดีให้เสร็จเพราะเป็นคดีที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นคดีอยู่ในอำนาจของศาลแขวง จำเลยทั้งสามมีความเห็นโดยสุจริตว่า คดีมีมูลจึงมีความเห็นควรสั่งฟ้อง การกระทำของจำเลยทั้งสามไม่เป็นละเมิดสิทธิของโจทก์ และโจทก์รู้เรื่องละเมิดและผู้กระทำละเมิดตั้งแต่วันที่9 ถึง 22 พฤษภาคม 2530 โจทก์เพิ่งมาฟ้องเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2532คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำคู่ความแล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่ชั้นชี้สองสถาน ทำการสืบพยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อความที่นางวันทนีย์แจ้งความต่อจำเลยที่ 1 ตามที่บรรยายฟ้องนั้นมีเหตุผลเพียงพอที่จำเลยที่ 1 ที่ 2จะจับกุมและดำเนินคดีอาญาโจทก์ในข้อหาฉ้อโกงได้แล้ว เพราะจำเลยที่ 1ได้สอบสวนปากคำของนางวันทนีย์เป็นพยาน ในการสอบสวนคดีเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะสืบหาพยานหลักฐานมาประกอบในการดำเนินคดีตามที่ได้รับแจ้ง และเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่จะเรียกบุคคลใดมาเป็นพยานหรือหมายเรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องมาเป็นพยานประกอบกับคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาพนักงานสอบสวนจะต้องทำการสอบสวนอย่างรวดเร็ว จำเลยทั้งสามสอบสวนและทำความเห็นควรสั่งฟ้องโจทก์ ผู้บังคับการกองปราบปรามซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชากับพนักงานอัยการก็มีความเห็นสั่งฟ้องและฟ้องโจทก์ต่อศาลแขวงพระนครเหนือแสดงว่า สำนวนการสอบสวนที่จำเลยที่ 1 ที่ 2ทำการสอบสวนและจำเลยที่ 3 เป็นผู้ตรวจสำนวนดังกล่าวมีพยานหลักฐานพอฟังได้ว่าคดีมีมูล มิฉะนั้นพนักงานอัยการคงมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมหรือมีคำสั่งไม่ฟ้องโจทก์แล้ว สำหรับฟ้องโจทก์ที่กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้สอบว่านางวันทนีย์เป็นเจ้าของบริษัทมุกดาสยาม จำกัด หรือไม่ บริษัทมุกดาสยาม จำกัด เป็นผู้ขอสัมปทานเดินรถยนต์โดยสารปรับอากาศสายกรุงเทพ-นครพนม หรือไม่และไม่สอบฐานะการเงินของนางวันทนีย์รวมทั้งนางวันทนีย์จ่ายเงินให้แก่โจทก์หรือไม่นั้น จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้สอบปากคำนางวันทนีย์เป็นพยานแล้ว การที่จำเลยทั้งสามเชื่อคำให้การของนางวันทนีย์และไม่สืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานอื่นอีกจึงเป็นดุลพินิจของจำเลยทั้งสาม และเมื่อพนักงานอัยการฟ้องโจทก์ต่อศาลแล้ว นางวันทนีย์จะถอนคำร้องทุกข์ ก็มิได้หมายความว่า คดีที่โจทก์ถูกฟ้องไม่มีมูลความผิดไม่ พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามตามฟ้องโจทก์ จำเลยทั้งสามได้กระทำไปตามหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์แต่อย่างใดไม่ แม้จะดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานไป ข้อเท็จจริงก็คงได้ความตามฟ้องโจทก์ ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษายกฟ้องจึงชอบแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยทั้งสามฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ