แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลาย 1 วัน จำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสามแม้จะฟังว่าก่อนหน้านั้นจำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทให้แก่ ท.ท. ชำระราคาครบถ้วนแล้วแต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เนื่องจาก ท. ประสงค์จะขายต่อและจะให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อไปทีเดียวเพื่อประหยัดค่าธรรมเนียม ต่อมา ท. ตกลงจะขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1โดยให้ผู้คัดค้านที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายกับจำเลยมีข้อความระบุว่าเป็นการขายภายใต้ความยินยอมของ ท. เมื่อผู้คัดค้านที่ 1ชำระราคาให้ ท. ครบถ้วนแล้ว จำเลยจึงโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสามตามความประสงค์ของผู้คัดค้านที่ 1 แต่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้โอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้แก่ ท. การซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยกับ ท. ก็ยังไม่เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรก ต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ในที่พิพาทยังเป็นของจำเลยอยู่ จำเลยจึงมิใช่ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแทน ท. ผลตามสัญญาจะซื้อขายทั้งสองฉบับคงมีแต่เพียงว่าหากจำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1โดย ท.ยินยอมไม่ถือว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อขายกับท. เท่านั้นการที่จำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสามจึงหาใช่เป็นการโอนที่พิพาทแทน ท. ไม่ เมื่อการโอนขายที่ดินดังกล่าวเป็นการโอนในระหว่างสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายโดยขณะนั้นจำเลยมีทรัพย์สินไม่พอชำระหนี้ ต้องถือว่าเป็นการโอนโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านทั้งสามได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 115 การเพิกถอนการโอนทรัพย์พิพาทเป็นไปโดยผลของคำพิพากษาตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอน ก็ยังถือว่าเป็นการโอนโดยชอบอยู่กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้อง อันจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านต้องรับผิดในดอกเบี้ยตามขอ ผู้ร้องมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอน
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2529 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2530 ตามทางสอบสวนของผู้ร้องได้ความว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดรวม 9 แปลงเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2529 จำเลยโอนขายที่ดิน 4 แปลง ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 โอนขายที่ดิน 3 แปลง ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 และโอนขายที่ดิน 2 แปลง ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 3 และในวันเดียวกันผู้คัดค้านทั้งสามได้จดทะเบียนจำนองที่ดินที่ได้รับโอนเป็นประกันหนี้นางจันทรฉาย จันทะยาสาคร การโอนที่ดินระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านทั้งสามเป็นการโอนก่อนโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายเพียง 1 วันเป็นการมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านทั้งสามได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านทั้งสาม ตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483และให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้ผู้คัดค้านทั้งสามชดใช้ราคาที่ดินเป็นเงิน 10,187,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านว่า เดิมที่พิพาทเป็นของโจทก์โจทก์โอนขายให้แก่จำเลย และจำเลยโอนขายให้แก่นายทวี คณิวิชาภรณ์โดยตกลงให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแทนนายทวี เพื่อให้จำเลยขายที่พิพาทแทนนายทวี ต่อมาผู้คัดค้านที่ 1 ซื้อที่พิพาทจากนายทวีและชำระราคาเรียบร้อยแล้ว โดยผู้คัดค้านที่ 1 ขอรับโอนที่ดิน 4 แปลง ส่วนที่ดินที่เหลือผู้คัดค้านที่ 1 ประสงค์จะยกให้ผู้คัดค้านที่ 2 โดยเสน่หาบางส่วนและโอนขายแก่ผู้คัดค้านที่ 3 บางส่วน จำเลยในฐานะตัวแทนของนายทวีจึงโอนที่ดิน 3 แปลงให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 โอนที่ดิน 2 แปลง ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 3ตามความประสงค์ของผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นการลัดขั้นตอนเพื่อความสะดวกและประหยัดค่าธรรมเนียม จึงเป็นการรับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน มิได้มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านทั้งสามได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนที่ดินระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านทั้งสาม โดยให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ ให้ผู้คัดค้านทั้งสามชดใช้ราคาที่ดิน10,187,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้านทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลาย 1 วัน จำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสามโดยขณะนั้นจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีก มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า จำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแทนนายฉวี คณิวิชาภรณ์ จริงหรือไม่ที่ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกาว่า ก่อนหน้าจำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสาม จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทให้แก่นายทวีตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย ค.3 นายทวีชำระราคาครบถ้วนแล้วแต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เนื่องจากนายทวีประสงค์จะขายต่อและจะให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อไปทีเดียวเพื่อประหยัดค่าธรรมเนียม ต่อมานายทวีตกลงขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 โดยให้ผู้คัดค้านที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายกับจำเลยมีข้อความระบุว่าเป็นการขายภายใต้ความยินยอมของนายทวีตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย ร.7 เมื่อผู้คัดค้านที่ 1 ชำระราคาให้นายทวีครบถ้วน จำเลยจึงได้โอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสามตามความประสงค์ของผู้คัดค้านที่ 1 การโอนขายที่พิพาทดังกล่าวเป็นเพียงการโอนขายในฐานะที่จำเลยเป็นตัวแทนของนายทวีนั้นเห็นว่า แม้จะฟังว่าจำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทกับนายทวีและนายทวีชำระราคาครบถ้วนแล้ว แต่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้แก่นายทวี การซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยกับนายทวีก็ยังไม่เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรก ต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ในที่พิพาทยังคงเป็นของจำเลยอยู่ จำเลยจึงมิใช่ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแทนนายทวี ผลตามสัญญาจะซื้อจะขายทั้งสองฉบับคงมีเพียงว่าหากจำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 โดยนายทวียินยอม ไม่ถือว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อจะขายกับนายทวีเท่านั้น การที่จำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสามจึงหาใช่เป็นการโอนที่พิพาทแทนนายทวีไม่ เมื่อการโอนขายที่ดินดังกล่าวเป็นการโอนในระหว่างสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายโดยขณะนั้น จำเลยมีทรัพย์สินไม่พอชำระหนี้ ต้องถือว่าเป็นการโอนโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านทั้งสามได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนการโอนที่พิพาทระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านทั้งสามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115นั้น ชอบแล้ว
อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองให้ผู้คัดค้านชดใช้ราคาพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จนั้น เห็นว่าการเพิกถอนการโอนทรัพย์พิพาทเป็นไปโดยผลของคำพิพากษา ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอน ก็ยังถือว่าเป็นการโอนโดยชอบอยู่ กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้อง อันจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านต้องรับผิดในดอกเบี้ยตามขอ ผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอน
พิพากษาแก้เป็นว่า ในส่วนดอกเบี้ยให้ผู้คัดค้านชำระนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์