คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2163/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล แต่ศาลก็ต้องใช้ดุลพินิจอย่างมีเหตุผล ในวันนัดไต่สวนคำร้องนัดที่ 2 ทนายผู้ร้องยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่า ว. กรรมการผู้จัดการของผู้ร้องป่วยปรากฏตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้องการขอเลื่อนคดีนัดที่ 2 จึงเป็นการอ้างเหตุขอเลื่อนคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 41 หากศาลชั้นต้นมีความสงสัยว่า ว. จะป่วยจริงตามใบรับรองแพทย์หรือไม่ ก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4) หรือจะตั้งเจ้าพนักงานศาลไปตรวจก็ได้ ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีโดยเห็นว่าผู้ร้องไม่เตรียมพยานปากอื่นมาศาลโดยมิได้แถลงว่าพยานที่เหลือมีข้อขัดข้องอย่างไรถึงไม่มาศาล ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับพยานปากอื่นของผู้ร้องมาหรือไม่มาศาลเท่านั้นหาใช่เหตุที่จะนำมาพิจารณาไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเพราะคู่ความอ้างว่าเจ็บป่วยตามมาตรา 40 ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากผู้คัดค้านที่ 1 ได้ขายทอดตลาดที่ดินของจำเลย (ทรัพย์หมาย ก.) รวม 41 แปลง โดยมีผู้คัดค้านที่ 2และผู้ร้องเข้าร่วมประมูลและผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้ประมูลได้ในราคา 17,800,000 บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ดำเนินการขายทอดตลาดโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของกรมบังคับคดีผู้ร้องมีความประสงค์จะซื้อที่ดินรายนี้ ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์รายนี้
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า การขายทอดตลาดของผู้คัดค้านที่ 1 ชอบแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ในชั้นไต่สวนคำร้อง ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและงดสืบพยานแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่า มีเหตุสมควรให้ผู้ร้องเลื่อนคดีตามคำร้องของทนายผู้ร้องหรือไม่ เห็นว่าคู่ความจะร้องขอเลื่อนคดีได้ต้องเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 และการอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล กล่าวคือศาลจะให้เลื่อนคดีหรือไม่ก็ได้ แต่ศาลก็ต้องใช้ดุลพินิจอย่างมีเหตุผลด้วย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการเลื่อนคดีครั้งที่ 2ทนายผู้ร้องอ้างว่านายวิชัย สินสถิตย์โรจน์ กรรมการผู้จัดการของผู้ร้องป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่โดยกะทันหัน พร้อมกับส่งใบรับรองแพทย์มาด้วย การขอเลื่อนนัดที่ 2 ของผู้ร้องจึงเป็นการอ้างเหตุขอเลื่อนคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 41 หากข้ออ้างดังกล่าวเป็นความจริง ก็ถือได้ว่ากรณีมีเหตุจำเป็นและมีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นให้เลื่อนคดีตามมาตรา 40ดังกล่าว เมื่อผู้คัดค้านที่ 1 แถลงคัดค้านว่า ผู้ร้องประวิงคดีมิได้คัดค้านว่าคำร้องของทนายผู้ร้องไม่เป็นความจริง จึงเท่ากับผู้คัดค้านที่ 1 ยอมรับว่า นายวิชัย ป่วยจริงตามที่อ้างมาในคำร้องและตามใบรับรองแพทย์ นอกจากนี้หากศาลมีความสงสัยว่านายวิชัยจะเจ็บป่วยจริงหรือไม่ ศาลก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 21(4) หรือจะตั้งเจ้าพนักงานศาลไปตรวจดูว่านายวิชัยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ก็ได้ การที่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวย่อมแสดงว่าศาลชั้นต้นมิได้สงสัยในเรื่องที่นายวิชัยเจ็บป่วย จึงรับฟังได้ว่านายวิชัยเจ็บป่วยไม่สามารถมาศาลได้ เป็นกรณีมีเหตุจำเป็น สมควรให้เลื่อนคดีตามคำร้อง ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าผู้ร้องยื่นบัญชีระบุพยานบุคคลไว้ 3 ปาก และวันนี้ไม่เตรียมพยานปากอื่นมาศาลและมิได้แถลงว่าพยานที่เหลือมีข้อขัดข้องอย่างไรถึงไม่มาศาลนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับพยานปากอื่นของผู้ร้องมาหรือไม่มาศาลเท่านั้น หาใช่เหตุที่จะนำมาพิจารณาว่าสมควรให้เลื่อนคดีเพราะคู่ความอ้างว่าเจ็บป่วยตามมาตรา 40 หรือไม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำร้องคัดค้านของผู้ร้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดี และให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share